xs
xsm
sm
md
lg

เฮ! ข่าวดี 6 พ.ค.นี้ กม.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม มีผลบังคับใช้ “นักวิจัย-ผู้ขอรับทุน” จากหน่วยงานรัฐเป็นเจ้าของผลงานวิจัยได้แล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข่าวดี 6 พ.ค.นี้ กฎหมายส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม มีผลบังคับใช้ นักวิจัยหรือผู้ขอรับทุนจากหน่วยงานรัฐเป็นเจ้าของผลงานวิจัยได้แล้ว “เอนก” เผยเพื่อเป็นการปฏิรูปเรื่องสิทธิความเป็นเจ้าของผลงานวิจัยครั้งสำคัญ เกิดผลดีกับประเทศไทย จะได้ปรับเปลี่ยนเข้าสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างรายได้ 

วันนี้ ( 6 พ.ค. ) ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ในวันที่  6 พ.ค.นี้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม มีผลบังคับใช้ หลังจากได้มีการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 7 พ.ย.64 หมายความว่า นับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.เป็นต้นไป นักวิจัยหรือผู้ขอรับทุนเป็นเจ้าของผลงานวิจัยที่ได้รับทุนจากหน่วยงานของรัฐได้แล้ว สามารถนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรือสาธารณประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการปฏิรูปเรื่องสิทธิความเป็นเจ้าของผลงานวิจัยครั้งสำคัญระหว่างหน่วยงานให้ทุนกับผู้รับทุน โดยเมื่อผู้รับทุนซึ่งส่วนใหญ่เป็นมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และนักวิจัยได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาผลงานวิจัยและนวัตกรรม จะช่วยให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีสามารถรับถ่ายทอดเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยได้คล่องตัวมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดจำนวนสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีที่ใช้เทคโนโลยีในการประกอบธุรกิจมากขึ้นและจะกระตุ้นให้เกิดระบบเศรษฐกิจนวัตกรรมได้   

รมว.อว.กล่าวต่อว่า กฎหมายฉบับนี้ จะทำให้ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์ เช่น ภาคเอกชนที่ทำวิจัยเองสามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐได้ สตาร์ทอัพสามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้นเนื่องจากเป็นเจ้าของผลงาน ส่วนประชาชน เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน จะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและบริการและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ด้านสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย รวมถึงนักวิจัย จะเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม ได้รับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากผลงานที่ทำ และลดขั้นตอนการเจรจากับภาคเอกชน เพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์งานวิจัยได้มากขึ้น ที่สำคัญ ประเทศไทยจะได้ปรับเปลี่ยนเข้าสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างรายได้เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เนื่องจากนักวิจัยมีแรงจูงใจในการสร้างนวัตกรรมให้ส่งถึงมือผู้ใช้ ตลอดจนผู้ใช้ประโยชน์จะได้เข้าถึงนวัตกรรมได้ง่ายขึ้นและใช้นวัตกรรมเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนประเทศได้ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลางพร้อมมุ่งสู่การเป็นประเทศรายได้สูงต่อไป  

 ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว.
ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว.กล่าวว่า สำหรับสาระสำคัญของ พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ.2564 คือ 1.ให้ผู้รับทุนหรือนักวิจัยสามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยที่รับทุนสนับสนุนจากรัฐได้ 2.สามารถกำหนดหลักเกณฑ์ในการโอนผลงานวิจัยและนวัตกรรมของผู้เป็นเจ้าของผลงานให้แก่บุคคลอื่นและหน้าที่ของผู้รับโอนผลงาน 3.ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีออกคำสั่งให้หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดจากทุนของรัฐในกรณีฉุกเฉินหรือภาวะวิกฤติ 4.ให้ผู้เป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมต้องใช้ประโยชน์ บริหารจัดการและรายงานผลการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมต่อผู้ให้ทุน 5.ให้ผู้ที่ประสงค์จะใช้ประโยชน์ในผลงานวิจัยและนวัตกรรมสามารถขออนุญาตใช้ประโยชน์ได้โดยเสนอเงื่อนไขและค่าตอบแทน และ 5.กำหนดหน่วยงาน วิธีการส่งเสริมและการจัดสรรเงินค่าตอบแทนแก่นักวิจัยเพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมไปใช้ประโยชน์ในวงกว้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น