ครบรอบ 131 ปี กรมวิทยาศาสตร์บริการ ตั้งเป้ายกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ของประเทศให้มีความเข้มแข็งในการตรวจสอบและรับรองตามมาตรฐานสากล สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วยนวัตกรรม และเดินหน้างานวิจัยที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อความปลอดภัยของประชาชนตลอดจนยกระดับการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพและมาตรฐานในทุกมิติ
นายแพทย์ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตลอดระยะเวลา 130 ปี ที่ผ่านมาเรามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการเจริญเติบโตของประเทศไทยด้วยงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ครอบคลุมการให้บริการวิเคราะห์ทดสอบ ตรวจสอบ รับรองบริการและผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค วัสดุทางการแพทย์ สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีอนาคต เช่น หุ่นยนต์และระบบเซ็นเซอร์ การพัฒนาศักยภาพนักวิทยาศาสตร์ ตลอดจนการวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งในระดับชุมชนจนถึงระดับอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ วศ. เป็นแหล่งรวมข้อมูลสารสนเทศด้าน วทน. และเป็น 1 ใน 4 หน่วยงานที่ให้การรับรองห้องปฏิบัติการในด้านต่างๆ ของประเทศ จากผลการดำเนินงานดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า วศ. มีความตั้งใจที่จะพัฒนาและขยายขอบข่ายงานบริการอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นส่งมอบบริการที่ดี มีคุณภาพ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ที่ผ่านมา วศ. เดินหน้าพัฒนางานบริการในด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาวิธีทดสอบ การทดสอบเพื่อการพัฒนาคุณภาพ การทดสอบเพื่อการส่งเสริมการผลิต รวมถึงการพัฒนามาตรฐาน การพัฒนาระบบงาน เช่น ระบบความปลอดภัย ระบบคุณภาพ และการพัฒนากำลังคน ซึ่งก็ทำได้ครบทุกภารกิจในระดับที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ให้ทุนและผู้รับบริการถือเป็นที่น่าพอใจ และในโอกาสก้าวสู่ทศวรรษที่ 14 กรมวิทยาศาสตร์บริการมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยบริการวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพสูง รวมถึงบริการให้คำปรึกษา การพัฒนาศักยภาพกำลังคนทางด้านวิทยาศาสตร์ การกำหนดมาตรฐานงานทางวิทยาศาสตร์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ การสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรม การตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนการรับรองระบบงานวิทยาศาสตร์ เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจของไทยให้เติบโตได้ในระดับสากล ต่อไป