วันนี้ (28 ม.ค.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) :GISTDAเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) วันที่ 28 มกราคม 2565 พบจุดความร้อนทั้งประเทศ จำนวน 902 จุด เพิ่มขึ้นจากวานก่อน 537 จุด โดยพบมากสุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 289 จุด พื้นที่เกษตร 258 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 148 จุด พื้นที่เขตสปก. 123 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 68 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 16 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุดอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือทั้ง 3 จังหวัด คือ ตาก 68 จุด อุตรดิตถ์ 67 จุด ลำปาง 66 จุด ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินพื้นที่เสี่ยงสูงเกิดไฟป่าล่วงหน้า 7 วัน (24 – 30 มกราคม 2565) จากภาพแสดงให้เห็นว่าจุดความร้อนมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นและกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง โดยเฉพาะภาคเหนือ ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการเตรียมพื้นที่เพื่อการเกษตร หรือการเข้าไปหาของป่า เนื่องจากพื้นที่ที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่ 1 มกราคม – 28 มกราคม 2565 พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อนแล้วจำนวน 2,906 จุด ตามด้วยภาคกลาง 2,205 จุด และภาคเหนือ 1,645 จุด ตามลำดับ
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน ราชอาณาจักรกัมพูชายังคงครองแชมป์ต่อเนื่อง จำนวน 1,999 จุด รองลงมาอันดับ 2 สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จำนวน 960 จุด และอันดับที่ 3 เป็นประเทศไทย จำนวน 902 จุด ตามลำดับ ข้อมูลจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ pm 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ
ทั้งนี้ ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THOES-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th