วันนี้ (9 ก.พ.) ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) กล่าวเปิดงาน “INNOVATION THAILAND FORUM 2021” จัดโดย สํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ว่า บลูมเบิร์ก(Bloomberg) ได้ประกาศเรื่อง ลําดับของประเทศต่าง ๆ ที่มีนวัตกรรม 60 ปรากฏว่า ประเทศไทย เป็นลําดับที่ 36 ขึ้นมาจากเดิมซึ่งเป็นลําดับที่ 40 ของ 60 ประเทศแรกที่มีนวัตกรรมมากที่สุด ซึ่งถือว่าดีขึ้น แต่จะต้องดีต่อไป ขณะที่ขนาดของเศรษฐกิจไทย วัดด้วยจีดีพี(GDP) โตเป็นลําดับที่ 19 หรือ 20 ของโลก จากประมาณ 200 ประเทศ เศรษฐกิจไทยถ้าวัดเป็นจีดีพี หรือวัดเป็นจํานวนเงิน จะอยู่ลําดับที่ 20 โดยประมาณ ถ้าวัดที่กําลังซื้อที่เป็นจริง อยู่ลําดับที่ 19 สรุปคือ ขนาดของเศรษฐกิจไทยเวลานี้ อยู่ในอันดับที่ 19 หรือ 20 ของโลก นวัตกรรมของไทยอยู่ในลําดับที่ 36 ของโลก
รมว.อว.กล่าวต่อว่า หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ประเทศไทยเวลานี้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากกว่าที่คนไทยรู้ มากกว่าที่ผู้มีการศึกษาของไทยทราบ แม้กระทั่ง มากกว่าที่รัฐบาลเองจะตระหนัก เช่น ทางด้านดาวเทียมและยานอวกาศ ที่ตนได้เคยแถลงไป ประเทศไทยในขณะนี้ทําดาวเทียมขนาดลูกเล็ก ๆ ได้แล้ว และ กําลังจะทําดาวเทียมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นๆ เป็นลําดับ ภายใน 4 ปีนี้ นักวิทยาศาสตร์ นักอวกาศวิทยา วิศวกร บอกว่า ประเทศไทยจะสามารถผลิตดาวเทียมขนาด 150 กิโลกรัมได้ และจะเปลี่ยนดาวเทียมขนาด 150 กิโลกรัม ให้มีน้ำหนักเป็น 300 กิโลกรัม อันนี้ก็เป็นความภาคภูมิใจของนักวิทยาศาสตร์ ของนักดาราศาสตร์ ของวิศวกรของไทยเรา
ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เรายังมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เรามีเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู เพื่อสันติ ใช้มาประมาณ 60 ปี ขณะนี้ใช้จนเกือบจะหมดอายุแล้ว ตามปกติ ต้องไปหาซื้อเครื่องที่สองมา แต่ว่านักเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของไทย โดยสํานักงานเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ มีแผนการที่จะทําขึ้นมาเองเป็นเครื่องที่สอง ไม่ซื้อ แต่จะทําขึ้นเอง ยกเว้นส่วนที่เป็นแก่นของเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู เรายังทําเองไม่ได้ นอกจากนั้น เรายังมีเครื่องซินโครตรอน ซึ่งเป็นเครื่องเดียวในอาเซียน ใช้ในการผลิตสิ่งที่สําคัญหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะที่เรียกว่า รังสีเภสัช รังสีต่าง ๆ ใช้ในการรักษามะเร็ง เป็นต้น
“ที่สำคัญ เรายังมีเครื่องโทคาแมค ที่เป็นเทคโนโลยีที่จะสร้างกระบวนการฟิวชั่น ซึ่งเป็นกระบวนการเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ที่แตกต่างกว่ากระบวนการที่เราคุ้น คือ กระบวนการฟิชชั่น อันหลังนี้ก็เป็นกระบวนการแบบการทำระเบิดปรมาณู ระเบิดไฮโดรเจน พลังงานมันเกิดมาพร้อมกับกัมมันตรังสีที่สกปรก แต่ว่าฟิวชั่น มันคือการที่อะตอมมารวมกัน เกิดอะตอมใหญ่ แล้วก็เกิดพลังงานมากมายมหาศาล โดยที่ไม่มีกัมมันตรังสีที่เป็นพิษ เราก็จะทําเองได้เกือบหมด และเครื่องโทคาแมค จะทำให้ประเทศไทยเข้าไปอยู่ในสันนิบาตของประเทศที่เจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์เป็นที่ยอมรับ ในโลกนี้ก็มีประมาณ 20 ประเทศ” รมว.อว.ระบุและว่า
“ขณะที่เมื่อเกิดโควิด-19 เรายังทําวัคซีนไฮเทค 2 ชนิดสําเร็จแล้ว กําลังอยู่ในการทดลองของคน ซึ่งเป็นการทดลองระยะสุดท้าย ผ่านการทดลองในลิงมาแล้ว ตัวแรกคือ วัคซีนที่ทํามาจากสิ่งที่เรียกว่า MRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับ ไฟเซอร์ Pfizer,วัคซีนโควิดโมเดอร์นา( Moderna) ที่โด่งดังทั่วโลกนี้ อีกตัวหนึ่งก็คือ วัคซีน tobacco วัคซีนใบยา ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานเป็นวัคซีนสู้กับ โควิด-19 อีกชนิดหนึ่ง เรื่องวัคซีนเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะว่าประเทศไทยแต่ไหนแต่ไร มาไม่เคยทําวัคซีนได้เลย แต่วิกฤติครั้งนี้ ความรู้ ความสามารถ นวัตกรรมของเราที่เกี่ยวกับวัคซีนก้าวกระโดดครั้งใหญ่ แล้วก็ยังมีอีก 5 ชนิดที่รอการพิสูจน์ความสําเร็จอยู่ อว. ให้ทุนไปทั้งหมด 7 ชนิด สําเร็จแล้ว 2 ชนิด อีก 5 ชนิดกําลังทําอยู่”
ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก สรุปว่า ไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้แล้งนวัตกรรม ไม่ได้ไร้นวัตกร คนไทยเป็นคนที่เก่ง เก่งทั้งศาสตร์ เก่งทั้งศิลป์ เก่งทั้งวิทยาการ เก่งทั้งนวัตกรรม เพียงแต่ว่าระบบของเรายังต้องปรับปรุงแก้ไข ตนในฐานะรัฐมนตรี จะปรับปรุงแก้ไขให้มากที่สุด เร็วที่สุด แรงที่สุด