ชุดอวกาศรุ่นใหม่ของนาซาเดินคล่องเหมือนอยู่บนโลก

นาซาบอกลาความเทอะทะของชุดอวกาศรุ่นอะพอลโล ด้วยชุดอวกาศรุ่นใหม่ที่ช่วยมนุษย์อวกาศคล่องตัวขึ้น เดินเหินสะดวกเหมือนอยู่บนโลก เปิดตัวเพื่อรองรับภารกิจกลับไปเยือนดวงจันทร์ 2024 นี้

องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) เปิดตัวต้นแบบ 2 ชุดอวกาศรุ่นใหม่ คือ ชุดอวกาศสำหรับสวมใส่ขณะท่องไปพร้อมกับยานอวกาศโอไรออน (Orion Crew survival systems) และชุดอวกาศเอกซ์อีเอ็มยู (xEMU) สำหรับให้มนุษย์สวมใส่ขณะออกไปสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์

ชุดอวกาศรุ่นใหม่ทั้ง 2 ชุดนี้ จะนำไปใช้ในโครงการอาร์ทิมิส (Artemis) ภารกิจส่งมนุษย์กลับไปเยือนดวงจันทร์ของนาซา ที่มีกำหนดในปี ค.ศ.2024 ตามแผนที่วางไว้

ชุดอวกาศเอกซ์อีเอ็มยูสีแถบขาว แดง น้ำเงิน ที่สามารถปรับความดันในชุดได้นี้ มีระบบรองลื่นบริเวณเอว แขน และขา ซึ่งช่วยให้มนุษย์อวกาศเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น โดย คริสติน เดวิส (Kristine Davis) วิศวกรชุดอวกาศของนาซาได้สาธิตให้เห็นถึงความคล่องตัวด้วยการหมุนแขน ขา ย่อตัวและเดินไปมาได้สะดวก

ชุดอวกาศรุ่นใหม่นี้ยังขยายขนาดได้ ทำให้ชุดขนาดเดียวกันนี้สวมใส่ได้ทุกคน ช่วยให้ผู้หญิงใส่ได้โดยไม่ต้องรอชุดขนาดกลางสำหรับผู้หญิง ซึ่งเป็นหาเรื่องขนาดชุดทำให้ภารกิจเดินอวกาศของผู้หญิงเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านต้องถูกยกเลิก

จิม ไบรเดนสไตน์ (Jim Bridenstine) ผู้อำนวยการนาซาย้อนความหลังถึงภารกิจในปฏิบัติการยุคอะพอลโล (Apollo) ที่ นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) และ บัซ อัลดริน (Buzz Aldrin) ต้องกระโดดโหยงเหยงเป็นกระต่ายไปบนพื้นผิวดวงจันทร์ แต่มาถึงยุคนี้เราสามารถเดินบนดวงจันทร์ด้วยชุดอวกาศที่แตกต่างจากชุดในอดีต





นวัตกรรมสำคัญอีกอย่างของชุดอวกาศเอกซ์อีเอ็มยูค่อสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างไม่จำกัด ซึ่งคาร์บอนไดออกไซด์นั้นเป็นผลพวงจากการหายใจ และหากมีปริมาณเกินไปก็เป็นพิษได้ โดยชุดจะดูดซํบก๊าซแล้วปล่อยสู่อวกาศที่ว่างเปล่า ต่างจากระบบปัจจุบันที่จะดูดซับจนถึงจุดอิ่มตัว

ส่วนชุดกู้ชีพลูกเรือนั้นออกแบบให้ช่วยลูกเรือดำรงชีวิตได้อย่างเต็มที่นาน 6 วัน ซึ่งเป็นไปตามแผนฉุกเฉินกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น มีอุกกาบาตพุ่งชนยานอวกาศจนเกิดรูโหว่

สำหรับโครงการอาร์ทีมิสของนาซานั้น มีแผนไปลงจอดที่ขั้วใต้ของดวงจันทร์ เพื่อใช้ประโยชน์จากน้ำแข็งที่ค้นพบเมื่อปี 2009 โดยแบ่งใช้ทั้งเพื่อดำรงชีพ และเพื่อแยกไฮโดรเจนและออกซิเจน สำหรับเป็นเชื้อเพลิงของจรวด โดยการไปเยือนดวงจันทร์ดังกล่าวนั้นจะเป็นการปูทางเพื่อการส่งมนุษย์ไปดาวอังคารต่อไปในช่วงปีทศวรรษ 2030