นับเป็นเรื่องน่าตกใจเมื่อชายคนหนึ่งไปพบการขายนกถูกขังในถุงแกงร้อนที่ตลาดเช้าในกาฬสินธุ์ ซึ่งจุดกระแสให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความไม่พอใจในการกระทำของคนขายซึ่งเป็นหญิงสูงวัย ด้านนายกสมาคมอนุรักษ์นกระบุว่า นกที่ถูกจับมาขายนั้นต้องตายอย่างแน่นอน เพราะจะเกิดอาการไตวายจากการขาดน้ำ
ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้สอบถาม นายสัตวแพทย์เกษตร สุเดชะ นายกสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ถึงกรณีการจับนกมาใส่ถุงแกงร้อนเพื่อจำหน่ายให้คนนำไปปล่อยว่า วิธีการดังกล่าวพบเห็นได้ทั่วไปในลาวที่จับนกมาใส่ถุงขาย แต่ที่ประเทศเพื่อนบ้านนั้นขายให้คนนำไปบริโภค
อย่างไรก็ตาม นายสัตวแพทย์เกษตร ระบุว่านกที่ถูกจับมาขายไม่ว่าจะใส่ถุงแกงร้อนหรือถูกขังกรงก็ตายในที่สุดเนื่องจากนกนั้นขับถ่ายถี่มากถึงชั่วโมงละ 4 ครั้ง ทำให้นกที่ถูกขังจึงเกิดภาวะขาดน้ำและภาวะไตวายในที่สุด โดยนกจะไม่ตายทันที แต่จะตายในภายหลัง
จากภาพถ่ายที่ Tul Pewthongngam เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์นั้น นายสัตวแพทย์เกษตรระบุว่า น่าจะเป็นนกกระจอกบ้าน และอาจจะมีนกกระจอกตาลรวมอยู่ด้วย ซึ่งนกเหล่านี้แม้จะมีจำนวนมากนับล้าน แต่ก็ไม่ควรจะจับนกเหล่านี้มาทำเช่นนี้
นอกจากนี้ นายสัตวแพทย์เกษตร กล่าวอีกว่านกเกือบทุกชนิดในประเทศไทยนั้นจัดเป็น “สัตว์ป่าคุ้มครอง” ซึ่งผู้กระทำผิดมีโทษจำคุก 10 ปี หรือปรับ 100,000 บาท ดังนั้น หากใครมีภาพถ่ายหรือหลักฐานที่ชัดเจนสามารถแจ้งจับได้ทันที โดยแนะนำ 2ช่องทาง คือ เฟซบุ๊กชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวดง (https://www.facebook.com/DNP.WILDHAWK/?ref=br_rs) และสายด่วนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 1362
พร้อมกันนี้ นายสัตวแพทย์เกษตรระบุว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 นั้น ทางคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมประมง ทำโครงการต่อต้านการปล่อยสัตว์ในวัด ซึ่งประสบความสำเร็จแล้วที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
ทั้งนี้ ต้องขอบคุณ Tul Pewthongngam ที่เปิดประเด็นให้สังคมได้ตระหนักว่าการทำบุญปล่อยนกในวัดนั้นแท้จริงแล้วเป็นบาป อีกทั้งวิธีการกักขังนกในถุงแกงร้อนนั้นยังเป็นการทรมานสัตว์อย่างยิ่ง ผู้ทำบุญต้องคิดให้มากขึ้นว่าสิ่งที่เราทำแล้วสบายใจนั้น แท้จริงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นการสร้างบาปซ้ำเติมเคราะห์กรรมของตัวเอง