ทุกครั้งที่เราทิ้งพลาสติกออกจากมือ พลาสติกเหล่านั้นไม่ได้หายไปไหน ยิ่งถูกจัดการไม่ถูกวิธีแล้ว พลาสติกเหล่านั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเรา ทั้งในรูปของขยะที่ทำให้สัตว์ป่าและสัตว์ทะเลต้องตายไปอย่างน่าเศร้า เช่น “พยูนน้อยมาเรียม” ที่มีเศษพลาสติกอยู่ในทางเดินอาหาร หรือเต่าทะเลและวาฬที่ไม่ชื่อให้เรียกขาน แต่ก็ต้องจบชีวิตลงเพราะ “ขยะพลาสติก”
นอกจากอยู่ในรูปขยะที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้ว พลาสติกยังปนเปื้อนอยู่ในห่วงโซ่อาหารในรูปของ “ไมโครพลาสติก” ซึ่งล่าสุดก็มีการตรวจอยู่ในปลาทู ซึ่งเป็นอาหารทะเลที่อยู่คู่ครัวคนไทย และต้นกำเนิดของไมโครพลาสติกนั้นไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเราเลย เพียงแค่ทิ้งถุงพลาสติกหนึ่งใบไว้ในบ้านเป็นเวลานาน ก็สามารถเปลี่ยนเป็นไมโครพลาสติกได้แล้ว
เมื่อเริ่มมีการตื่นตัวในเรื่องขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกมากขึ้น จึงมีการเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์การตกค้างของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสิ่งมีชีวิตในน้ำและในดินมากขึ้น เพราะเรื่องนี้อาจสร้างปัญหาโดยตรงให้มนุษย์ได้ในอนาคต
ทว่าการเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์ไมโครพลาสติกในประเทศไทย ยังมีปัญหาในเรื่องมาตรฐานและวิธีการวิเคราะห์ที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งนักวิชาการมองว่า อาจทำให้ผลของการวิเคราะห์ไมโครพลาสติกต่างๆ นั้นมีปัญหาเมื่อนำผลวิเคราะห์แต่ละที่มาเปรียบเทียบกัน
สำนักวิจัยแห่งชาติ (วช.) หนึ่งในองกรณ์ที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้ร่วมมือกับ กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ WESTPAC หรือ ION Sub-Commission for the Western Pacific หาทางออกถึงแนวทางการเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์ไมโครพลาสติก เพื่อการกำหนดมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับ และเพื่อเทียบให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับต่างประเทศ
ดร.สมเกียรติ ขอเกียรติวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านความหลากหลายทางชีวภาพ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกให้ความความสำคัญในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกเป็นอย่างมาก เพราะเป็นต้นเหตุของไมโครพลาสติกนั้น ไม่ได้อยู่ไกลตัวเราเลย ไม่ว่าที่ใดก็สามารถพบไมโครพลาสติกได้
"พลาสติกที่เราใช้ในรูปแบบต่างๆ ในชีวิตประจำวันนั้น ประกอบด้วยสารต่างๆ หลังจากถูกใช้แล้วหากทิ้งไม่ถูกวิธีหรือกำจัดไม่ถูกวิธี ตัวอย่างเช่น ถุงพลาสติกใส่ของที่เราได้จากร้านค้าโดนแสงแดด อากาศ หรือสารเคมีบางชนิด ก็จะเกิดการย่อยสลายเป็นขรุยเล็กๆ จนกระทั่งเป็นไมโครพลาสติก ซึ่งคำนี้ไม่ได้หมายถึงพลาสติกประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่หมายถึงเศษพลาสติกที่มีขนาดเล็กว่า 5 มิลลิเมตร ตามนิยามขององค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศสหรัฐฯ” ดร.สมเกียรติระบุ
ดร.สมเกียรติให้ข้อมูลต่อว่า ประเทศไทยมีขยะพลาสติกเกิดขึ้นในปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี มีเพียง 5 แสนตันเท่านั้นที่ถูกกำจัดและรีไซเคิลอย่างถูกวิธี อีก 1 ล้าน 5 แสนตัน หรือคิดเป็น 80 % นั้นได้กลายเป็นขยะพลาสติกกระจายอยู่ในสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติรอบตัวเรา ขยะพลาสติกเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในต้นเหตุของการเกิดไมโครพลาสติก ที่ปนเปื้อนอยู่ในระบบนิเวศน์ทั้งในน้ำและในดิน
"สัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในระบบนิเวศเหล่านั้นก็จะได้รับไมโครพลาสติกไปด้วย สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่บางชนิดเป็นอาหารของมนุษย์เราก็ยังมีไมโครพลาสติกปนเปื้อน แม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นผลกระทบอย่างชัดเจนต่อร่างกายมนุษย์ แต่ประเทศไทยก็ยังมีปัญหาในเรื่องวิธีการที่ได้มาตราฐานในการเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์ไมโครพลาสติก เรื่องนี้จึงสำคัญและควรรีบดำเนินการ” ดร.สมเกียรติกล่าวเสริม
ทางด้าน ดร.สุชาติ เหลืองประเสริฐ หัวหน้าภาควิชาสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันการเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์ไมโครพลาสติกของประเทศไทยยังไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน หลักๆ คือ 1.เก็บตัวอย่างที่ไหน 2.วิเคราะห์ด้วยวิธีอะไร 3.ขนาดไมโครพลาสติกควรเป็นเท่าไร และ 4.ไมโครพลาสติกชนิดใด ซึ่งยังไม่มีมาตราฐานกำหนดให้ดำเนินงานมีมาตราฐานเดียวกัน หรือยังไม่มีมาตราฐานในการเปรียบเทียบผลจากการวิจัย
“บางประเด็นในการวิจัยไม่ได้มีการกำหนดวิธีการไว้ จึงทำให้การวิจัยของแต่ละหน่วยงานมีข้อมูลที่แตกต่างกัน ทำให้เปรียบเทียบการตกค้าง หรือความรุนแรงของปัญหาที่ไมโครพลาสติกปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตไม่ได้” ดร.สุชาติชี้ให้เห็นถึงปัญหา
ดร.สุชาติ กล่าวต่อว่า เนื่องจากไมโครพลาสติกมีต้นกำเนิดที่หลากหลาย มีหลายชนิด และมีหลายขนาด มีหลายรูปร่าง วิธีการเก็บตัวอย่างก็มีอยู่หลากหลายวิธี เช่น การใช้อุปกรณ์กรอง หรือใช้สารเคมีในการแยกสกัดก็จะได้ตัวอย่างที่แตกต่างกันออกไป
"อุปกรณ์ในการจำแนกก็สำคัญ เพราะบางครั้งการวิเคราะห์อาจมีความคลาดเคลื่อนเนื่องจากเข้าใจผิดว่ารูปลักษณ์ของจุลชีพบางชนิดเป็นไมโครพลาสติก อีกทั้งสารเคมีบางชนิดที่ใช้ในการสกัดตัวอย่างนั้น เป็นสารที่ไม่สามารถนำเข้ามาประเทศไทยได้ หรือมีราคาแพง และสารในการสกัดตัวอย่างบางชนิดก็ยังมีผลข้างเคียงที่ทำให้ไมโครพลาสติกมีการเปลี่ยนสีหรือรูปลักษณ์"
"แม้กระทั่งขั้นตอนการเก็บตัวอย่างจากสัตว์ วิธีการสุ่มตัวอย่าง ข้อจำกัดในพื้นที่การเก็บตัวอย่าง ห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐาน ทุกอย่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์ไมโครพลาสติก ต้องมีวิธีการกำหนดการดำเนินงานที่ชัดเจน อุปกรณ์สารเคมีที่ใช้ควรเป็นชนิดใด เพื่อที่จะได้มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เป็นฐานข้อมูลในการวิจัยที่ใช้มาตรฐานเดียวกัน และที่ยอมรับจากทุกองค์กรในประเทศไทยและในระดับสากลได้” ดร.สุชาติกล่าว
มาตรฐานการเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์ไมโครพลาสติก จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะเป็นฐานข้อมูลที่ถูกต้องและมีมาตราฐาน อันเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต และยังรวมไปถึงการนำเสนอข่าวต่อสังคม เพื่อที่จะไม่ทำให้เกิดความตื่นตระหนก และเข้าใจว่าต้นเหตุนั้นมาจากที่ใด มีวิธีการแก้ไขอย่างไร มีผลกระทบในระดับใด
ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการกำจัดพลาสติกให้ถูกวิธี นับเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะการจำกัดที่ไม่ถูกวิธีนั้นถือเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ซึ่งเราสามารถร่วมมือได้ด้วยการปรับเปลี่ยนการอุปนิสัยในการใช้พลาสติก
ดร.สมเกียรติ ขอเกียรติวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านความหลากหลายทางชีวภาพ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกให้ความความสำคัญในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกเป็นอย่างมาก เพราะเป็นต้นเหตุของไมโครพลาสติกนั้น ไม่ได้อยู่ไกลตัวเราเลย ไม่ว่าที่ใดก็สามารถพบไมโครพลาสติกได้ เพราะพลาสติกที่เราใช้ในรูปแบบต่างๆ ในชีวิตประจำวันนั้น ประกอบด้วยสารต่างๆ หลังจากถูกใช้แล้วหากทิ้งไม่ถูกวิธีหรือกำกัดไม่ถูกวิธี ตัวอย่างเช่น ถุงพลาสติกใส่ของที่เราได้จากร้านค้าโดนแสงแดด อากาศ หรือสารเคมีบางชนิด ก็จะเกิดการย่อยสลายเป็นขรุยเล็กๆ จนกระทั้งเป็น ไมโครพลาสติก ซึ่งคำนี้ไม่ได้หมายถึงพลาสติกประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่หมายถึงเศษพลาสติกที่มีขนาดเล็กว่า 5 มิลลิเมตร (ตามนิยามของสำนักงานบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา)
“ประเทศเรามีขยะพลาสติกเกิดขึ้นในปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี มีเพียง 5 แสนตันเท่านั้นที่ถูกกำจัดและรีไซเคิลอย่างถูกวิธี อีก 1 ล้าน 5 แสนตัน หรือคิดเป็น 80 % นั้นได้กลายเป็นขยะพลาสติกกระจายอยู่ในสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติรอบตัวเรา ขยะพลาสติกเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในต้นเหตุของการเกิดไมโครพลาสติก ที่ปนเปื้อนอยู่ในระบบนิเวศน์ทั้งในน้ำและในดิน สัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในระบบนิเวศน์เหล่านั้นก็จะได้รับไมโครพลาสติกไปด้วย สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่บางชนิดเป็นอาหารของมนุษย์เราก็ยังมีไมโครพลาสติกปนเปื้อน แม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นผลกระทบอย่างชัดเจนต่อร่างกายมนุษย์ แต่ประเทศไทยก็ยังมีปัญหาในเรื่องวิธีการที่ได้มาตราฐานในการเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์ไมโครพลาสติก เรื่องนี้จึงสำคัญและควรรีบดำเนินการ” ดร.สมเกียรติ กล่าวเสริม