ซินโครตรอน คว้า 2 รางวัล ระดับโลก International Business Awards พร้อมก้าวสู่องค์กรที่เป็นเลิศระดับสากล
สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) คว้าอีก 2 รางวัลจาก International Business Awards สาขา Organization of the Year และ Communication or PR Campaign of the Year พร้อมยกระดับองค์กรสู่ความเป็นเลิศทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับสากล
ศาสตราจารย์ นาวาอากาศโท ดร.สราวุฒิ สุจิตจร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เปิดเผยว่า “รางวัลสตีวี อวอร์ด ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2002 ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับการยอมรับในศักยภาพอันโดดเด่นจากองค์กรต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในระดับองค์กรขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ รวมไปถึงบุคคลผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ยังเป็นรางวัลที่มอบเพื่อยกย่องและสร้างการรับรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับความสำเร็จและผลงานด้านบวกขององค์กร
เมื่อต้นปีที่ผ่านสถาบันได้รับรางวัล The Asia-Pacific Stevie Awards ในระดับเอเชียแปซิฟิคมาแล้ว ทั้งในสาขาการให้บริการลูกค้า และการพัฒนากำลังคนในด้านทรัพยากรบุคคล รวมถึงการสร้างนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งในครั้งนี้สถาบันฯได้รับอีก 2 รางวัลในระดับโลกInternational Business Awards จาก The Stevie Awards ซึ่งเป็นการเข้าชิงรางวัลในระดับที่กว้างขวางและการแข่งขันสูงมากกว่าครั้งก่อน มีผลงานที่เข้าชิงรางวัลกว่า 3,500 ผลงาน จากมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และมีคณะกรรมการตัดสินที่เป็นผู้ทรงวุฒิและ CEO หน่วยงานต่างๆ จากทั่วโลกจำนวน 250 ท่าน
สถาบันฯได้ส่งผลงานเข้าประกวด 2 ผลงาน โดยได้รับรางวัลทั้ง 2 ผลงาน ได้แก่
รางวัล GOLD WINNER: Award for Organization of the Year in Non-Profit or Government Organization (Medium Size) : รางวัลนี้เป็นการนำเสนอทั้งระบบบริหารจัดการและผลงานเด่น 10 ผลงานของสถาบันฯที่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2561 ในด้านระบบบริหารที่โดดเด่นประกอบด้วย การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่มีระบบ Talent Management และ Succession Plan พร้อมมูลมีแนวทางการบริหารแบบ Strategic HRM อย่างได้ผลดี ทำให้ตลอดช่วงเวลานับสิบปีสถาบันมีอัตราพนักงานลาออกต่ำกว่าร้อยละ 0.7 ระบบบริหารยังเสริมแกร่งด้วยการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรตามมาตรฐาน ISO31000 การบริหารในสภาวะฉุกเฉินตามมาตรฐาน BS25999 และการบริหารสภาวะวิกฤตตามมาตรฐาน ISO22320
อีกทั้งมีการดำเนินงานการตลาดสำหรับงานบริการใน blue ocean อย่างประสบความสำเร็จ ทำให้อัตราผู้ใช้บริการภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 51 การดำเนินงานที่แปลกใหม่นี้ สถาบันฯ สามารถสรุปเป็นตัวแบบได้ในชื่อว่า Teach-Tailor-Collaborate Model สำหรับงานการตลาด ในภาพรวมของระบบบริหาร สถาบันฯออกแบบและพัฒนากลยุทธ์องค์กรโดยอาศัย Balanced Scorecard (BSC) บริหารงานในแบบ culture-based management ภายใต้หลักความเชื่อ "พนักงานต้องมาก่อน" หรือ employee first ส่งผลให้ผู้รับบริการประเมินความพึงพอใจแก่สถาบันฯสูงถึงร้อยละ 93.8
ในส่วนของผลงานเด่นที่นำเสนอให้กรรมการพิจารณาประกอบด้วย 1. การพัฒนาเครื่องแสงดผลอักษรเบรรล์ 20 เซลล์ เพื่อผู้พิการทางสายตา 2. การพัฒนาระบบเพาะเลี้ยงถั่งเช่าอัจฉริยะ 3. การไขปริศนาหาที่มาการผลิตกระจกเกรียบโบราณ 4. การให้บริการแสงซินโครตรอนที่เป็นเลิศ 5. ความร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาครีมกันแดดคุณภาพสูง 6. ความสำเร็จในการพัฒนาประสิทธิภาพปุ๋ยจากมูลค้างคาวที่ร่วมมือกับภาคเอกชน 7. ความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ SOLARIS synchrotron-Poland และมหาวิทยาลัยในสาธารณรัฐเยอรมนี ในการร่วมสร้างระบบลำเลียงแสงให้กับ SOLARIS 8. การพัฒนาเครื่องเคลือบกระจกกล้องโทรทรรศน์ขนาด 2.4 เมตร โดยฝีมือวิศวกรไทย 9. การสร้างและพัฒนาระบบลำเลียงแสง ASEAN Beamline ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรระดับโลก IAEA และ 10. ความสำเร็จของงานไขความลับอัญมณีสังเคราะห์ที่เป็นความขัดแย้งจริงทางธุรกิจเกิดขึ้นในประเทศไทย จนต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์มาไขปริศนา
อีกรางวัลหนึ่งที่สถาบันฯ ได้รับเกียรติ คือ BRONZE WINNER : Award for Communication or PR Campaign of the Year รางวัลนี้ เกิดจากการที่สถาบันฯ ได้ดำเนินการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารไปทุกกลุ่มเป้าหมายด้วยช่องทางที่เหมาะสมโดยในปัจจุบันเน้นที่สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook YouTube Messenger และ Line เป็นต้น ประกอบกันนั้นได้มีการประเมินผลการดำเนินงานควบคู่ไปด้วย และเพื่อเป็นการสร้างการจดจำ สถาบันฯ ได้จัดทำโครงการสร้างแบรนด์ เพื่อการวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
ทางด้านการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อการเผยแพร่ความรู้ สถาบันฯ ได้จัดทำสื่อทั้งแบบออฟไลน์ และแบบออนไลน์ในรูปของ E-Media เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ดาว์นโหลดความรู้ต่างๆ ได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังได้มีการถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น ค่ายวิทยาศาสตร์ซินโครตรอนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา ตลอดจนอุดมศึกษา การจัดนิทรรศการ Road Show รวมถึงการอมรมและสัมมนาแก่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เป็นต้น
"สุดท้ายสถาบันฯ ให้ความสำคัญกับการสื่อสารภายในองค์กรเป็นอย่างยิ่ง เพราะเชื่อมั่นว่าหากภายในองค์กรเข้มแข็งแล้ว จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ นำไปสู่องค์การที่เป็นเลิศทั้งด้านวิชาการ การให้บริการ ตอบแทนคืนสังคมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้สถาบันขอขอบคุณ สตีวี อวอร์ด ที่ให้เกียรติมอบรางวัลทั้ง 2 รางวัลในครั้งนี้ด้วย” ศ. น.ท. ดร.สราวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย