ร่วมปลุกจิตวิญญาณ สร้างสำนึกของการเห็นคุณค่าและความหมายที่ยิ่งใหญ่ กับนิทรรศการ “ข้าวคือชีวิต (Rice is life)” ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2562
“เรามักจะเห็นคุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งนั่นไปเสียแล้ว...” ยังคงเป็นวลีที่ถูกนำมาใช้ให้ตระหนักคิดถึงผลลัพธ์ยามเสียสิ่งสำคัญไปได้อยู่เสมอ แต่มันจะดีกว่านี้ไหม หากเราสามารถเห็นค่าก่อนสายเกินไป ถ้อยคำอันสอดคล้องกับความเป็นจริงของพฤติกรรมคนไทยในปัจจุบันที่กำลังลืมให้ความสำคัญวัตถุดิบที่มีคุณค่าและโภชนาการอย่าง “ข้าว” หลายต่อหลายครั้ง ข้าวถูกละเลยและมองข้ามคุณค่ามันไปอย่างน่าเสียดาย
ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของข้าวที่มีผลต่อการดำรงชีวิตและความเชื่อมโยงระหว่างข้าวกับวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละภูมิภาค รวมถึงความสำคัญในเชิงเศรษฐกิจ ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดการนำภูมิปัญญา มาปรับปรุงและพัฒนากระบวนการผลิต การแปรรูปข้าวในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวที่เป็นแหล่งรายได้หลักของประชากรส่วนใหญ่ในประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) จึงได้จัดแสดงนิทรรศการ “ข้าวคือชีวิต (Rice is life)” ภายในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2562 ขึ้น
ภายในนิทรรศการ “ข้าวคือชีวิต” จะนำเสนอความสำคัญของข้าวต่อการดำรงชีวิตในหลายแง่มุม ผ่านการจัดแสดงด้วยสื่อที่หลากหลาย แบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่
โซนที่ 1 ทุ่งนา ผู้เข้าชมสามารถเดินบนสะพานซึ่งทอดผ่านแปลงนาข้าวที่ตกแต่งด้วยต้นข้าวจริงกว่า 100 ตารางเมตร และทำความรู้จักกับหุ่นไล่กาหลากหลายแบบ ในขณะเดียวกัน ยังได้รับความรู้การเจริญเติบโตของต้นข้าว วัฒนธรรมประเพณี และพิธีกรรมที่เกี่ยวกับข้าวในประเทศไทย ด้วยความเชื่อโบร่ำ โบราณของคนไทยสมัยก่อนว่า ข้าวมีจิตวิญญาณ และมีเทพยดาคุ้มครองมีชื่อเรียกว่า “แม่โพสพ” ชาวนาสมัยก่อนจึงมีความสำนึกในบุญคุณของแม่โพสพอย่างลึกซึ้งและก่อให้เกิดพิธีกรรมต่างๆ
โซนที่ 2 โรงนา เมื่อผ่านออกจากทุ่งนาแล้ว ผู้เข้าชมจะเดินทางเข้าสู่โรงนา เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมืออุปกรณ์การทำนา และกระบวนการสีข้าว โดยผู้เข้าชมสามารถทดลองสีข้าวได้ด้วยตนเอง โดยมีเครื่องสีข้าวที่นำมาจัดแสดงทั้งแบบดั้งเดิม และแบบที่ใช้ในปัจจุบัน
โซนที่ 3 เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต ในส่วนนี้ผู้เข้าชมจะได้เรียนรู้และเข้าใจถึงคุณค่าและความสำคัญของเมล็ดข้าวมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ การพัฒนาจากข้าวป่าสู่การเป็นพันธุ์ข้าวปลูกที่มีความหลากหลาย ตลอดจน คุณประโยชน์ และโภชนาการของเมล็ดข้าว นอกจากนี้ ยังแสดงพันธุ์ข้าวหลากหลายสายพันธุ์ ผ่านสื่อในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น Interactive Wall และ ชิ้นงานสื่อสัมผัส
โซนที่ 4 ข้าว คือ ชีวิต ผู้เข้าชมค้นพบความหมายของข้าว ที่ไม่ใช่แค่อาหารให้พลังงานในการดำรงชีวิต แต่จะพบอีกมุมมองผ่านการนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้ข้าว หรือส่วนต่างๆ มาเป็นส่วนประกอบในพื้นที่ต่างๆ ของบ้านที่จำลองมาไว้ในพื้นที่แห่งนี้ มีการนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์แปรรูปมาให้ยลโฉมมากมายทั้งในรูปแบบของอุปโภคและบริโภค นอกจากนี้ ยังสามารถทดลองทำอาหารหรือขนมง่ายๆ โดยใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบหลัก อีกทั้ง ยังมีการจัดแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของข้าวในด้านสังคมของประเทศต่างๆ และก่อให้เกิดความเข้าใจถึงประโยชน์ของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ต่อการปรับปรุงคุณภาพการผลิตข้าวทั้งในเชิงปริมาณ คุณภาพ ปิดท้ายการเข้าชม ด้วยการนั่งพักผ่อนและรับชมวีดิทัศน์ที่สื่อถึงความสำคัญของข้าวต่อผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ที่ฉายบนจอจำลองบรรยากาศหนังกลางแปลง ในผืนนาหลังการเก็บเกี่ยวข้าว
ตลอดการชมนิทรรศการ ผู้เข้าชมจะสัมผัสถึงบรรยากาศท้องทุ่ง ที่มีการจำลองสะพานที่ทอดผ่านแปลงนาข้าวที่เขียวขจี รับประสบการณ์แบบสุดพิเศษอย่างวิถีการทำนา เริ่มตั้งแต่การไถนา การหว่านข้าว การดำนา จนถึงการสีข้าว ฯลฯ ที่สามารถให้ผู้เข้าชมได้ทดลอง เรียนรู้ ด้วยการลงมือทำด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม “ข้าว” เป็นสิ่งใกล้ตัว และเป็นอาหารที่คนไทยบริโภคเป็นอาหารหลักมาแต่ช้านาน ดังนั้น ข้าวจึงมีบทบาทกับคนไทยในหลายๆ ด้าน เช่น วิถีชีวิต อาชีพ เศรษฐกิจ มาร่วมรำลึกคุณค่า ปลุกจิตวิญญาณ ส่งต่อแรงบันดาลใจในการพัฒนาข้าวในมุมมองที่แตกต่างออกไป ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-25 สิงหาคมนี้ ณ อาคาร 6-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดให้เข้าชมงาน ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมติดตามข้อมูลข่าวสารและ รายละเอียดงาน ได้ที่ www.thailandnstfair.com หรือ Facebook : มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (@thailandnstfair) หรือสอบถามข้อมูลที่ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ โทร. 0 2577 9960