xs
xsm
sm
md
lg

“แมวจิ้งจอก” เหมียวป่าที่อาจเป็นสปีชีส์ใหม่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

แมวจิ้งจอก แมวป่าบนเกาะคอร์ซิกา (AFP / PASCAL POCHARD-CASABIANCA)
“แมวจิ้งจอก” แมวเหมียวหน้าตาคล้ายๆ แมวบ้าน ที่อาศัยอยู่ในป่าบนเกาะคอร์ซิกาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อาจเป็นสัตว์สปีชีส์ใหม่ นักวิทย์เชื่อว่ายังไม่เคยจำแนกในทางวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยปรากฏตัว และหากินกลางคืน

แมวที่เอ่ยถึงนี้เป็นสมาชิก “แมวจิ้งจอก” (cat-foxes) ที่อาศัยในป่าบนเกาะคาร์ซิกาในทะเลเมดิเตอเรเนียน โดยแมวที่น่าจะเป็นสปีชีส์ใหม่นี้ มีลายพาดบนขนสีน้ำตาลอ่อน

ปิแอร์ เบเนเดตตี (Pierre Benedetti) ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านสิ่งแวดล้อม จากสำนักงานล่าสัตว์และสัตว์ป่าแห่งชาติฝรั่งเศส (National Hunting and Wildlife Office: ONCFS) ที่มีสำนักงานที่ปารีส กล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าแมวเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติในป่า แต่ยังไม่ได้รับการจำแนกอย่างชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ไม่สะดุดตา และยังเป็นสัตว์หากินกลางคืน การค้นพบครั้งนี้จึงนับว่าเป็นเรื่องวิเศษ

ลักษณะของแมวจิ้งจอกนี้มีส่วนผสมของแมวบ้านบางส่วน ความยาวตั้งแต่หัวจรดปลายหางอยู่ที่ 90 เซ็นติเมตรหรือ 35 นิ้ว มีหูที่กว้างมาก มีหนวดสั้น และมีเขี้ยวแมวที่ยาวและแหลมคมมาก อีกส่วนที่มีลักษณะเด่นชัดคือลายแถบที่พาดขาหน้า และมีขาหลังที่ค่อนข้างเข้ม กับท้องเป็นสีน้ำตาลอมแดง ขนเป็นเงาแน่นซึ่งเป็นปราการป้องกันเห็บและหมัดตามธรรมชาติ ที่หางยังมีลายริ้ววงกลม 2-4 วง

เบเนเดตตีบอกว่าด้วยขนาดและหางของแมวทำให้พวกมันถูกเรียกว่า “แมวจิ้งจอก” ไปทั่วเกาะ

คาร์ลู-อองตง เซกเชนี (Carlu-Antone Cecchini) เจ้าหน้าที่ภาคสนามของ ONCFS ซึ่งตามจับแมวป่าชนิดนี้ บอกว่าจะแมวจิ้งจอกนี้ได้ในถิ่นาศัยที่ห่างไกล ซึ่งมีน้ำและต้นไม้ปกคลุม ซึ่งช่วยปกป้องแมวเหล่านี้จากนักล่าตัวสำคัญนั่นคือ อินทรีทอง

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ใช้วิธีที่ไม่รุนแรงในการจับแมวจิ้งจอก โดยนับแต่ปี ค.ศ.2016 ONCFS ได้จับแมวชนิดนี้แล้ว 16 ตัว ในจำนวนนั้น 12 ตัวอยู่ในพื้นที่อาศัยที่ระบุข้างต้น เมื่อจับมาเก็บข้อมูลแล้วก็ปล่อยแมวเหล่านั้นคืนสู่ธรรมชาติอย่างรวดเร็ว และตอนนี้พวกเขาก็มีความหวังว่า จะสามารถจำแนกและพิทักษ์แมวนิดนี้ได้ภายใน 2-4 ปี

เซกชินีซึ่งค้นหาแมวป่าชนิดนี้มามากกว่า 10 ปี บอกว่าเรื่องแมวจิ้งจอกนี้เป็นส่วนหนึ่งตำนานเด็กเลี้ยงแกะของพวกเขาที่เล่ากันมารุ่นสู่รุ่น เกี่ยวกับแมวป่าที่พุ่งกัดเต้านมของแกะและแพะที่พวกเขาเลี้ยง และหลังจากเล่นไล่จับเหมือนแมวไล่หนูอยู่หลายปี พวกเขาก็เจอแมวจิ้งจอกนี้ได้อย่างบังเอิญเมื่อปี ค.ศ.2008 ภายในเล้าไก่ที่ Olcani ใน Cap Corse

จากนั้นงานวิจัยก็เดินหน้ามาเรื่อย จนกระทั่งปี ค.ศ.2012 โดยอาศัยเทคนิคในการดึงดูดแมวด้วยสารระเหยและการตามร่องรอยกิ่งไม้ที่แมวถูกตัวจนเหลือร่องรอยขนติดอยู่ ทำให้ทีมวิจัยสามารถศึกษาส่วนประกอบพันธุกรรมของแมวชนิดนี้ได้

เบเนเดตตีบอกว่าเมื่อพิจารณาที่ดีเอ็นเอ สามารถบอกได้ว่าแมวชนิดนี้แตกต่างจากแมวป่ายุโรปที่ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “เฟลิส ซิลเวสทริส ซิลเวสทริส” (Felis silvestris silvestris) แต่มีความใกล้ชิดกับแมวป่าแอฟริกันที่ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “เฟลิส ซิลเวสทริส ไลบิกา” (Felis silvestris lybica) ทว่ายังต้องรอการตรวจสอบอย่างชัดเจนต่อไป

นักวิจัยจับแมวจิ้งจอกได้ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2016 ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการถ่ายภาพ และภายหลังสามารถจับได้ตัวเป็นๆ แต่ก็ยังมีความลึกลับเกี่ยวกับแมวป่านี้ซ่อนอยู่ อย่างเรื่องอาหารการกินและการขยายพันธุ์ยังเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาต่อไป

สำหรับเบเนเดตตีมีทฤษฎีเสนอว่า แมวป่านี้อาจจะมาถึงเกาะคาร์ซิกาโดยชาวสวนชาวไร่เมื่อประมาณ 6,500 ปีก่อนคริสตศักราช หากสมมติฐานของเขาเป็นจริง ต้นกำเนิดของแมวชนิดนี้ก็อยู่ที่ตะวันออกกลาง

สำหรับแมวตัวที่นักวิจัยจับมาศึกษาได้ชั่วคราวก่อนปล่อยไปนั้น มีตัวหนึ่งเป็นเพศผู้ซึ่งได้รับการฝังชิประบุตัวตนที่คอ โดยมีอายุระหว่าง 4-6 ปี และเคยถูกจับก่อนหน้านี้หลายครั้ง ซึ่งจุดเด่นอีกอย่างของแมวป่าตัวดังกล่าวคือดวงตาที่เสียไปข้างหนึ่งจากการต่อสู้กับแมวตัวผู้ด้วยกัน และเมื่อนักวิจัยปล่อยไปแล้วก็เก็บเอาปลอกคอติด GPS ที่เคยใส่ให้แมวตัวนี้ เพื่อศึกษาข้อมูล 80 วันของแมวตัวนี้
เขี้ยวที่พัฒนาจนใหญ่และคมกว่าแมวบ้าน (AFP / PASCAL POCHARD-CASABIANCA)
แมวจิ้งจอกที่ถูกดักจับมาเก็บข้อมูล (AFP / PASCAL POCHARD-CASABIANCA)
ปิแอร์ เบเนเดตตี  (ซ้าย) และ คาร์ลู-อองตง เซกเชนี (ขวา) ช่วยกันวัดขนาดตัวแมวจิ้งจอก  (AFP / PASCAL POCHARD-CASABIANCA)
แมวจิ้งจอกตัวผู้ที่ถูกจับมาแล้วหลายรอบ และได้รับการฝังชิปที่คอ รอบนี้นักวิจัยเก็บปลอกคอจากแมวตัวนี้ที่บันทึก ข้อมูลไว้ 80 วัน(AFP / PASCAL POCHARD-CASABIANCA)


กำลังโหลดความคิดเห็น