xs
xsm
sm
md
lg

ภัยใหม่ “กากาโป” นกแก้วจอมอ้วนเสี่ยงสูญพันธุ์จากโรคร้าย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นกแก้วกากาโป เป็นนกหากินกลางคืน บินไม่ได้ (DEPARTMENT OF CONSERVATION/AFP)
“กากาโป” นกแก้วจอมเชื่องช้าเผชิญหน้ากับภัยใหม่ เจอโรคระบาดทำตายไปหลายตัว ผลักสถานการณ์เสี่ยงสูญพันธุ์ให้เข้าใกล้ยิ่งขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ในนิวซีแลนด์เผยว่า มีการระบาดของโรคที่ไม่คาดคิดทำให้ “กากาโป” (kakapo) นกแก้วที่อ้วนที่สุดในโลก และอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงสูญพันธุ์ เผชิญวิกฤตสูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น

กระทรวงการอนุรักษ์ (Department of Conservation) แถลงว่าประชากรส่วนหนึ่งของนกกากาโปบนเกาะคอดฟิช (Codfish Island) อันห่างไกลนั้น ติดเชื้อราทางเดินหายใจที่เรียกว่า “แอสเปอร์จิลโลซิส” (aspergillosis) โดยมี 36 ตัวที่ได้รับการรักษา และมี 7 ตัวตาย ซึ่งในจำนวนที่ตายไปนั้นเป็นตัวที่โตเต็มวัยแล้ว 2 ตัว นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับนกที่เหลือตัวเต็มวัยไม่ถึง 150 ตัว

“เชื้อแอสเปอร์จิลโลซิสส่งผลกระทบเสียหายร้ายแรงมากต่อกากาโป” กระทรวงการอนุรักษ์ของนิวซีแลนด์แถลง

จำนวนนกแก้วกากาโปที่ลดลงนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์เพิ่งฉลองฤดูกาลผสมพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์ของนกกากาโป โดยนกแก้วชนิดนี้เป็นนกหากินกลางคืนที่บินไม่ได้ และเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว

จากความพยายามเอาจริงเอาจังในการอนุรักษ์มายาวนานหลายสิบปี จำนวนกากาโปได้เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จากที่เหลืออยู่เพียง 50 ตัวเมื่อปี ค.ศ.1990 และเมื่อต้นปีก็ยิ่งมีความหวังกลับขึ้นมาอีกครั้งจากการผสมพันธุ์ที่คึกคัก จนกระทั่งโรคร้ายได้ทำให้นกลดจำนวนลงอีกครั้ง

โครงการขยายพันธุ์นกกากาโปทำให้นกได้วางไข่ถึง 249 ฟอง และคาดการณ์ว่าจะมีลูกนกรอดชีวิตในปีนี้อย่างน้อย 75 ตัว ซึ่งเป็นจำนวนที่ิพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากสถิติก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ เจมส์ แชตเตอร์ตัน (James Chatterton) สัตวแพทย์ประจำสวนสัตว์โอคแลนด์ (Auckland Zoo) กล่าวว่าตอนนี้ต้องให้ความสำคัญกับการรักษานกที่ติดเชื้อรานี้ก่อน ซึ่งก่อนปีนี้มีนกเพียงตัวเดียวที่ตายจากเชื้อราดังกล่าว

“มันเป็นภัยคุกคามที่เราไม่คาดคิดมาก่อน และเรากำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อหาคำตอบว่าทำไมจึงการระบาดในปีนี้ ทฤษฎีที่เป็นไปได้ที่สุดสำหรับเวลานี้คือภูมิอากาศของปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ร้อนจัดจริงๆ สำหรับซีกโลกใต้” แชตเตอร์ตันเผยแก่สื่อท้องถิ่น TVNZ


กำลังโหลดความคิดเห็น