นักดาราศาสตร์ในเนเธอร์แลนด์แสดงความกังวลต่ออนาคตของการศึกษาท้องฟ้าและอวกาศ หลังจับภาพขบวนดาวเทียมอินเทอร์เน็ต 60 ดวงของสเปซเอกซ์ ที่ต่อแถวยาวทะยานขึ้นฟ้า
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค.2019 มาร์โก ลังเบิร์ก (Marco Langbroek) นักดาราศาสตร์จากเนเธอร์แลนด์ ได้บันทึกภาพวิดีโอที่มีแสงสว่างจากกลุ่มดาวเทียมอินเทอร์เน็ตสตาร์ลิงก์ (Starlink) ของสเปซเอกซ์ (SpaceX) เรียงแถวยาว 60 ดวง เหนือท้องฟ้าเมืองไลเดน เนเธอร์แลนด์
แม้จะสวยงามแต่ภาพดาวเทียมอินเทอร์เน็ต 60 ดวงของสเปซเอกซ์ (SpaceX) ได้สร้างความกังวลต่อกลุ่มนักดาราศาสตร์ว่า ในอนาคตดาวเทียมประเภทนี้อาจจะเพิ่มขึ้นจนมีมากถึง 12,000 ดวง และความสว่างอาจจะบดบังมุมมองในการศึกษาอวกาศ รวมถึงคุกคามการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ได้
เอเอฟพีรายงานว่า การยิงจรวดปล่อยดาวเทียมครั้งนี้สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งได้กลายเป็นปัญหาน่าปวดหัวใหม่สำหรับนักวิจัยที่ต้องหาวิธีแก้ขัด เพื่อรับมือกับวัตถุที่เกะกะการบันทึกภาพถ่ายวัตถุอวกาศของพวกเขา
บิล คีล (Bill Keel) นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอลาบามา (University of Alabama) บอกเอเอฟพีว่า ผู้คนกำลังคาดการณ์เกินไปว่า หากมีดาวเทียมอินเทอร์เน็ตแบบนี้และมีความสว่างคงที่อย่างนี้ ต่อไปอีก 20 ปีหรือเร็วกว่านั้น สายตามนุษย์จะมองเห็นจำนวนดาวเทียมมากกว่าดาวจริง
อย่างไรก็ตาม ความสว่างของดาวเทียมอินเทอร์เน็ตก็ลดลงเรื่อยๆ เมื่อทิศทางของดาวเทียมเริ่มคงที่ และเดินหน้าเข้าสู่วงโคจรสุดท้ายที่ระดับความสูง 550 กิโลเมตร ทว่านั่นก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้นักวิทยาศาสตร์คลายความกังวลลงได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ สเปซเอกซ์ของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) นั้นเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ บริษัทที่มีเป้าหมายส่งดาวเทียมอินเทอร์เน็ต และอ้างอิงตามข้อมูลสมาคมอุตสาหกรรมดาวเทียม (Satellite Industry Association) เอเอฟพีระบุว่า ตอนนี้มีดาวเทียมที่ยังคงใช้งานอยู่ประมาณ 2,100 วง โคจรอยู่รอบโลก
ขณะที่โจนาธาน แมคโดเวลล์ (Jonathan McDowell) จากศูนย์ดาราศาสตร์ฟิสิกส์ฮาวาร์ดสมิทโซเนียน (Harvard Smithsonian Center for Astrophysics) ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เพียงแค่ดาวเทียมอินเทอร์เน็ตจากสเปซเอกซ์เจ้าเดียวที่จะส่งขึ้นไปอีก 12,000 ดวง ก็จะทำให้มีดาวเทียมอยู่บริเวณเส้นขอบฟ้าหลายร้อยดวง ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาการศึกษาดาราศาสตร์ในบางจุดบนท้องฟ้าและบางช่วงเวลา
“ปัญหาจะยิ่งชัดขึ้นสำหรับท้องฟ้าตอนกลางคืน หากคุณอยู่ไกลออกไปจากเมืองมากๆ และอยู่ในพื้นที่ฟ้าแจ่มและมืดสนิท ดาวเทียมเหล่านั้นจะกลายเป็นปัญหาสำหรับสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์เพื่อการศึกษาระดับผู้เชี่ยวชาญ” แมคโดเวลล์ระบุ
ทางด้านมัสก์โต้แย้งเรื่องความกังวลนี้ผ่านทางทวิตเตอร์ว่า กำลังมองหาวิธีที่จะลดแสงสะท้อนจากดาวเทียม และดาวเทียมเหล่านั้นจะส่งผลกระทบ 0% ต่อการศึกษาดาราศาสตร์ขั้นสูง แต่กล้องโทรทรรศน์สำหรับการศึกษาดาราศาสตร์นั้นควรจะย้ายขึ้นอยู่ในอวกาศมากกว่าด้วย พร้อมทั้งแย้งว่า การให้โอกาสผู้คนที่ด้อยโอกาสหลายพันล้านคนได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของเขานั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ด้านคีลกล่าวว่าเขายินดีที่มัสก์นั้นเสนอที่จะหาวิธีลดแสงสะท้อนจากดาวเทียมรุ่นถัดไป แต่เขาก็ตั้งคำถามต่อว่าทำไมปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขและป้องกันมาก่อนหน้านี้ ซึ่งหากนักดาราศาสตร์เชิงแสงแสดงความกังวลแล้ว ต่อไปก็เป็นนักดาราศาสตร์วิทยุ ที่อาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยมาจากวัตถุท้องฟ้า เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ท้องฟ้า ซึ่งทำให้การบันทึกภาพหลุมดำอย่างเดือนที่ผ่านมาต้อง “หมดหวัง” ไปด้วย
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการดาวเทียมนั้นมีชื่อไม่ดีในแง่ที่ไม่แสดงความรับผิดชอบมากพอที่จะป้องกันผลข้างเคียง ซึ่งสามารถรบกวนคลื่นในย่านสังเกตการณ์ของนักดาราศาสตร์วิทยุได้ ซึ่งคีลกล่าวว่าไม่มีข้อก้ตัวใดที่จะไม่ร่วมหารือกับคณะนักดาราศาสตร์วิทยุเพื่อรับมือกับปัญหาก่อนหน้านี้
“นี่ไม่ใช่เพียงแค่การพิทักษ์ความสนใจทางวิชาการของเรา แต่ยังเป็นการปกป้องท้องฟ้าย่ามค่ำคืนสำหรับมนุษยชาติด้วย” คีลกล่าว