หลายคนอาจกำลังฝันหวานถึง “กัญชาเสรี” บางคนอาจจะอยากเสพได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีความสนใจปลูกพืชสายเขียวที่มีศักยภาพต่อยอดทางด้านการแพทย์ชนิดนี้
แม้ไม่เคยปลูกกัญชา แต่ ผศ.ดร.สิริวัฒน์ สาครวาสี อาจารย์สาขาพืชผัก คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ บรรยายไว้ภายในงานพันธุ์บุรีรัมย์ มหกรรมงานกัญชา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ว่ามีประสบการณ์วิจัยด้านโรงงานพืช (Plant Factory) หรือการปลูกพืชในระบบปิดมา 6-7 ปี ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการปลูกกัญชาได้
ผศ.ดร.สิริวัฒน์กล่าวว่า ในการปลูกกัญชาเพื่อทางการแพทย์นั้น ความแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง พร้อมยกตัวอย่างที่ได้ไปซื้อเครื่องดื่มผสมกัญชาที่ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ว่า ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวให้หมดขวด เพราะจะป่วยได้ โดยมีปริมาณการบริโภคเป็นโดส (DOSE) ตามที่ระบุในฉลาก และคนขายได้แนะนำเขาซึ่งไม่เคยเสพกัญชาเลยว่าให้ดื่มทีละครึ่งโดส ไม่เช่นนั้นจะป่วยได้ ซึ่งการแปรรูปผลิตกัญชาออกมาเป็นเครื่องดื่มดังกล่าวได้นั้น ต้องมีปริมาณสารออกฤทธิ์ที่คงที่
สำหรับรูปแบบการปลูกกัญชาหลักๆ แล้วมี 3 รูปแบบคือ แบบเปิดคือปลูกกลางแจ้ง ข้อดีคือต้นทุนต่ำ ปลูกง่าย แต่ต้องปลูกตามฤดูกาลและยังมีความเสี่ยงเรื่องสภาพอากาศ แบบปลูกในโรงเรือน มีต้นทุนสูงแต่ไม่เสี่ยงเรื่องสภาพอากาศ และแบบปลูกในร่ม (ปลูกในโรงงานพืช) เป็นการปลูกที่ปลอดภัยที่สุด ดีที่สุด ไม่เสี่ยงต่อสภาพอากาศ แต่มีต้นทุนสูงที่สุด หากใช้เทคโนโลยีต่างประเทศต้นทุนสร้างห้องปลูกอยู่ที่ตารางเมตรละ 100,000 บาท หากใช้เทคโนโลยีคนไทยต้นทุนอยู่ที่ตารางเมตรละ 20,000-30,000 บาท
ผศ.ดร.สิริวัฒน์ระบุแนวคิดในการปลูกกัญชาในร่มคือ “ห้องซ้อนห้อง” เพื่อป้องกันการปนเปื้อน โดยเฉพาะเชื้อราหากเล็ดลอดเข้าไปก็จะภายในห้องเพาะปลูกไปตลอด และหัวใจสำคัญของการปลูกกัญชาในร่มคือต้องควบคุมความชื้น เพราะกัญชาไวต่อเชื้อรา หากมีเชื้อราเข้าไปในห้อง ต้องรื้อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อด้วยโอโซน แต่ถ้าห้องชื้นน้อยเกินจะทำให้คลอโรฟิลล์แห้ง และมีรสเฝื่อนๆ
การให้แสงสว่างก็เป็นอีกสำคัญสิ่งสำคัญ โดยเมื่อเปรียบเทียบหลอดไฟชนิดต่างๆ แล้ว หลอด LED มีความคงทุนและคุ้มต่อการใช้งานมากที่สุด ส่วนแสงสีอะไรนั้นจากประสบการณ์ปลูกดอกพิทูเนียในโรงงานพืช พบว่า แสงสีแดง-น้ำเงินช่วยให้พืชสังเคราะห์แสงได้มากกว่าแสงสีขาว แต่แสงสีขาวทำให้พืชมีน้ำหนักดีกว่า โดยแสงสีเขียวเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้พืชสังเคราะห์แสงและเติบโตได้ดีขึ้น และแสงสีขาวยังส่องถึงชั้นใบล่างๆ แต่แสงสีแดง-น้ำเงินส่งไม่ถึง ซึ่งหากปล่อยไว้นานใบด้านล่างที่แสงส่องไม่ถึงจะร่วงหมด
ขณะเดียวกันเครื่องปรับอากาศและระบบหมุนเวียนอากาศก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยจำเป็นต้องใช้ BTU ที่มากกว่าเครื่องปรับอากาศสำหรับคนเป็น 2 เท่า เนื่องจากความร้อนจากหลอดไฟยังส่งผลต่ออุณหภูมิห้อง ส่วนระบบไหลเวียนอากาศเข้า-ออกควรอยู่ด้านบน ซึ่งช่วยให้อุณหภูมิภายในห้องเพาะพื้นสม่ำเสมอมากกว่าระบบไหลเวียนที่ติดอยู่ด้านข้าง และยังต้องให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยปล่อยจากด้านบนของห้องโรงงานพืชในลักษณะแบบฝนตก เพราะคาร์บอนไดออกไซด์ที่หนักจะตกลงสู่ที่ต่ำ รวมทั้งต้องมีระบบให้สารอาหารแก้พืช และระบบควบคุมสภาพแวดล้อมด้วย