อียิปต์ขุดพบมัมมี่หนู พร้อมมัมมี่แมวและมัมมี่เหยี่ยว กว่า 50 ตัว ภายในแหล่งขุดสำรวจแห่งใหม่ที่สุสานอียิปต์โบราณ ที่คาดว่าเป็นสุสานของขุนนางชั้นสูง สืบอายุสุสานย้อนไปมากกว่า 2,000 ปี
รายงานข่าวระบุว่า กระทรวงโบราณวัตถุสถานของอียิปต์ พบมัมมี่หนูจำนวนหลายสิบตัวท่ามกลางมัมมี่สัตว์อื่นๆ เช่น มัมมี่เหยี่ยวและมัมมี่ อยู่ภายในสุสานอียิปต์โบราณที่มีอายุย้อนไปถึง 2,000 ปี ซึ่งทางกระทรวงคาดหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนเขตซูฮัก (Sohag)
สุสานที่เป็นแหล่งรวมมัมมี่สัตว์ดังกล่าว ถูกขุดพบใต้เมืองอัคมิม (Akhmim) แลเชื่อว่าเป็นสุสานของขุนนางชั้นสูง ซึ่ง มอสตาฟา วาซิริ (Mostafa Waziri) เลขาธิการใหญ่ของสภาสูงด้านโบราณวัตถุสถานของอียิปต์ กล่าวว่า การค้นพบครั้งเป็นหนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดในพื้นที่ขุดสำรวจดังกล่าว
ภายในสุสานดังกล่าวพบว่ามัมมี่ของมนุษย์อยู่ภายใน ท่ามกลางมัมมี่หนู แมว และเหยี่ยว กว่า 50 ตัว โดยสืบอายุย้อนไปพบว่าอยู่ในยุคราชวงศ์ทอเลมี (Ptolemaic era) ช่วง 323-30 ปีก่อนคริสตศักราช
เอเอฟพีให้ข้อมูล อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของอียิปต์ซบเซาในช่วงหลายปีนี้ และทางรัฐมนตรีกระทรวงโบราณวัตถุสถานของอียิปต์ระบุว่า การนำเสนอการขุดพบครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเยี่ยมชมความศิวิไลซ์และโบราณวัตถุสถานของอียิปต์
ความร่ำรวยแหล่งมรดกวัฒนธรรมของอียิปต์นั้นเป็นแรงดึงดูดหลักสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเจ้ากระทรวงโบราณวัตถุสถานของอียิปต์ นิยามให้เขตซูฮักเป็นหนึ่งในเมืองของอียิปต์ที่มีความร่ำรวยของประวัติศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่ง และเมื่อปีที่ผ่านมาเขตซูฮักยังเพิ่งพิพิธภัณฑ์เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย
จากการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพและการปะทะกันจนมีผู้เสียชีวิตในการปฏิวัติเมื่อปี 2011 นำไปสู่จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงไปอย่างมาก และในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้จำนวนนักท่องเที่ยวจค่อยๆ เพิ่มขึ้นก็ตาม ซึ่งรายงานของเอเอฟพีตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจมักจะฉลองการขุดพบใหม่ๆ แต่ก็บ่อยครั้งที่อียิปต์จะถูกกล่าวหาว่า หละหลวมในการเอาใจใส่มรดกทางวัฒนธรรมของตัวเอง อีกทั้งยังขาดความหนักแน่นในทางวิทยาศาสตร์ด้วย