ขอความร่วมมือชาวสุรินทร์ช่วยดูแลครอบครัว "นกกระเรียนพันธุ์ไทย" ย้ายถิ่นจาก จ.บุรีรัมย์ ไปหากินถิ่นใหม่ วอนงดใช้สารเคมีกำจัดหอย กำจัดปู ซึ่งเป็นอาหารของนก
เพจ "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ" แจ้งข่าวว่า นกกระเรียนพันธุ์ไทย (Eastern Sarus Crane) พ่อแม่ลูก 1 ครอบครัว ได้ย้ายบ้านจากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ มาปักหลักทำมาหากิน อยู่ที่บ้านสวาย ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์
ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมืออย่าทำร้ายหรือรังแกนกกระเรียนครอบครัวนี้ พร้อมข้อร้องเกษตรกรที่อยู่ใกล้เคียงงดใช้สารเคมีทางการเกษตร โดยเฉพาะยากำจัดหอย ยากำจัดปูซึ่งเป็นอาหารของนก เนื่องจากนกกระเรียนอ่อนไหวต่อสารเคมี
ข้อมูลระบุด้วยว่านกกระเรียนเป็นนกน้ำขนาดใหญ่ ลำตัวและปีกสีเทา คอตอนบนและหัวไม่มีขนแต่มีลักษณะเป็นตุ่มหนังสีส้มหรือสีแดงสด บริเวณกลางกระหม่อมเป็นแผ่นหนังเปลือยสีเทาหรือเขียวอ่อน คอยาว เวลาบินคอและขาจะเยียดตรง ขายาวสีแดงอมชมพู มีแผ่นขนหูสีเทา ม่านตาสีส้มแดง ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย
นกกระเรียนอาศัยในพื้นที่ลุ่มน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำในเขตสูง พื้นที่เกษตรกรรม และทุ่งนา มีสัตว์น้ำ พืชน้ำ สัตว์น้ำขนาดเล็ก แมลง เมล็ดพืช ข้าวเปลือก เป็นอาหาร สถานภาพปัจจุบันเป็นสัตว์ป่าสงวน 1 ใน 15 ชนิด ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
นกกระเรียนพันธุ์ไทยได้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย จนกระทั่งองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูถัมภ์ ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้นำประชากรนกกระเรียนพันธุ์ไทยปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ชุ่มน้ำของ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนกกระเรียนที่ปล่อยสามารถอยู่รอดและขยายพันธุ์ได้ในธรรมชาติ
สำหรับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ครอบคลุมพื้นที่ 313,750 ไร่ ตั้งอยู่ใน ท้องที่ตำบล กาบเชิง ตำบลโคกตะเคียน ตำบลตะเคียน ตำบลด่าน ตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง ตำบลบักได ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก ตำบลตาตุม ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ และตำบลอาโพน ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์