xs
xsm
sm
md
lg

พลังเยาวชนสร้างบอร์ดสมองกลฝังตัว KidBright วัดฝุ่น PM2.5 ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พลังเยาวชนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ร่วมสร้างบอร์ดสมองกลฝังตัว KidBright วัดฝุ่น PM2.5 นำกลับไปใช้งานที่โรงเรียนได้ พร้อมได้ฝึกวิทยาการคำนวณตามหลักสูตรใหม่

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และคณะครู นักเรียนจากโรงเรียนสังกัด สพฐ. ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ทั้ง 43 แห่ง และ มหาวิทยาลัยศูนย์ประสานงาน Kid Bright ที่เข้าร่วมWorkshop การทำเครื่องวัดฝุ่นด้วยบอร์ด KidBright ภายในการอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างนวัตกรรมวัดปริมาณฝุ่นละอองด้วยบอร์ดสมองกลฝังตัว KidBright เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี

บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่าเนื่องด้วยสถานการณ์ฝุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อยู่ในภาวะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ การติดตามสภาวะฝุ่นและเรียวไทม์เป็นเรื่องจำเป็น ทางศูนย์เทคโนโลยี่อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(NECTEC)เล็งเห็นว่าผลงานของศูนย์ฯ สามารถนำมาประยุกต์ทำเป็นเครื่องวัดฝุ่นได้ เป็นประโยชน์ทั้งในมุมที่สามารถใช้ติดตามสภาวะแวดล้อมในชุมชน และส่งเสริมความรู้เรื่อง STEM ให้กับนักเรียนไปพร้อมกัน

เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ชี้แจงว่า เครื่องวัดฝุ่นที่ครูและนักเรียนจะทำในวันนี้ เป็นการประยุกต์ใช้บอร์ด KidBright ที่โรงเรียนได้รับแจกไปแล้วเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งสามารถตรวจวัดฝุ่นได้ทั้ง PM2.5 และ PM10 ค่าที่วัดได้จะถูกส่งผ่าน Internet of Thing (IOT) เพื่อไปแสดงผลบน เว็บไซต์ทำให้สามารถติดตามสภาวะฝุ่นในเขตกรุงเทพและปริมณฑลทั้งในภาพรวมและภาพย่อยๆของแต่ละโรงเรียน

ดร.เสาวลักษณ์ แก้วกำเนิด ตำแหน่งหัวหน้าโครงการ KidBright ทีมวิจัยเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว (EST) ฝ่ายหน่วยวิจัยระบบอัจฉริยะ (INSRU) สังกัดศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ เผยว่า เครื่องวัดฝุ่นที่สอนในวันนี้มีการคิดค้นมาก่อนหน้านี้โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) มาก่อนแล้ว มีการขยายผลด้วยการได้งบประมาณมา และเห็นว่าบอร์ดสมองกลตัวนี้ จะช่วยสอนเด็กให้เรียนโคดดิง (coding) ซึ่งตรงกับวิทยาการคำนวณที่ทางกระทรวงเลขาธิการเพิ่งจะออกหลักสูตรใหม่ว่า เด็กควรจะเรียนอันนี้ และเนคเทคมีบอร์ดสมองกลฝังตัวตัวนี้ ซึ่งคิดว่าสอดคล้องมาก และเป็นประโยชน์เป็นเครื่องมือที่จะใช้สอนในวิทยากรคำนวณได้ มีการแจกให้โรงเรียน 1,450 โรงเมื่อปีที่แล้วทั่วประเทศทุกจังหวัดมีโรงเรียนที่ได้รับบอร์ด

“สำหรับวันนี้เราก็จะต่อยอดให้เด็กๆเรียนโค้ดดิ้งในโรงเรียนแล้ว เราก็ควรจะจะขยายการใช้งานให้เพิ่มขึ้นและกระตุ้นให้เด็กๆลองคิดอะไรใหม่ๆ อย่างเช่นตอนนี้เราก็จะมีการติดตามสภาวะของฝุ่นละอองโดยเฉพาะ PM 2.5 PM10 จึงได้นำ บอร์ด kidbright มาช่วยเป็นเครื่องมือประยุกต์ใช้เป็นอุปกรณ์วัดฝุ่นไปวัดฝุ่นที่โรงเรียน การสอนในวันนี้นอกจากวัดฝุ่นได้แล้ว บอร์ด kidbright จะรับค่าจากเซนเซอร์วัดฝุ่นมา แล้วส่งต่อผ่านอินเทอร์เน็ต ผ่าน netpie ซึ่งเรียกว่าไอโอที เสร็จแล้วพอขึ้นไปบน Cloud แล้วจะเอาข้อมูลบน Cloud ไปทับบนแผนที่ได้ เมื่อน้องๆ ทำเสร็จแล้ว จะได้นำกลับไปที่โรงเรียนแล้วลงทะเบียนได้ เช่น โรงเรียนชื่ออะไร ตำแหน่งโรงเรียนอยู่ที่ใด รับรองบนแผนที่ เมื่อน้องวัดฝุ่นสร็จก็ส่งข้อมูล PM2.5 PM 10 ขึ้นบนอินเทอร์เน็ต"

"พอเราได้รับข้อมูลก็นำมาวางแผน หากมีน้องๆ จากจังหวัดอื่นเราก็จะมีวีดีโอให้ดูว่าทำเองได้อย่างไรบ้าง ถ้าน้องสนใจก็เปิดวีดีโอทำตามลงทะเบียน เราก็จะเห็นข้อมูลฝุ่นของโรงเรียนน้องๆ โรงเรียนเพื่อนๆ หรือโรงเรียนทั่วประเทศถ้ามีการลงทะเบียนกันหมดเลย จริงๆแล้วบอร์ดสมองกลฝังตัวก็เหมือนเป็นคอมพิวเตอร์เล็กๆ ตัวหนึ่ง แต่เราใช้สมองกลสองตัว เพราะมันมีขนาดเล็กมันเป็นคอมพิวเตอร์เล็กๆ ซึ่งไปฝังไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เช่นแอปฯ โทรศัพท์ที่มีฟังชันแปลกๆ พวกนี้คือที่มีสมองกลฝังตัวอยู่ข้างใน เซนเซอร์วัดฝุ่นเป็นแค่ชนิดนึงที่นำมาสอน จะวัดน้ำฝนหรือลมก็ได้ พอเอาข้อมูลเข้า Board KidBright นอกจากแสดงค่าส่งต่อแล้ว ยังประมวลผลเวลาได้ค่าฝุ่นและทิศทางลมก็จะบอกได้ว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงฝุ่นจะเคลื่อนตัวไปทางไหน เหมือนกับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก” ดร.เสาวลักษณ์ กล่าว

หัวหน้าโครงการ KidBright กล่าวเสริมว่า ผลงานที่เด็กทำในวันนี้ จะเป็นเครื่องวัดฝุ่นเอากลับไปที่โรงเรียน แล้วลงทะเบียนกับ KidBright และจะปรากฏขึ้นบนแผนที่ เมื่อถึงช่วงเย็นที่ทำเครื่องวัดฝุ่นเสร็จจะให้ดูว่า เซ็นเซอร์อื่นๆ ต่ออย่างไร อย่างเซ็นเซอร์วัดความเร็วลม ทิศทางลม ปริมาณน้ำฝนมาตั้งให้เด็กๆ ดูว่า เด็กทำได้มากกว่านี้ การจัดงานในครั้งนี้มีประโยชน์อย่างนึงคือ การแสดงค่าฝุ่นควันในอากาศจะมาจากสถานีที่ห่างจากโรงเรียนพอเอาเครื่องพวกนี้ไปใช้ก็จะได้ค่าฝุ่นควันที่เด็กต้องเจอในพื้นที่โรงเรียนจริงแล้วก็เป็นการฝึกทักษะการคิดเป็นระบบ คิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์แล้วสิ่งที่ทำนำไปใช้ได้จริงเกิดประโยชน์






กำลังโหลดความคิดเห็น