NIA - ไทยยูเนี่ยน และมหิดล จับมือเปิดตัว SPACE-F โครงการบ่มเพาะนวัตกรรมอาหาร พร้อมเปิดกว้างให้บริษัทต่างประเทศร่วมลงทุน
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และมหาวิทยาลัยมหิดลเปิดตัว SPACE-F: โครงการบ่มเพาะและเร่งรัดการเติบโตสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมอาหารเผยแนวทางผลักดัน 9 กลุ่มสตาร์ทอัพ ด้านอาหารทั้งไทยและนานาชาติ ให้ขยายตัวในประเทศไทย และก้าวไกลสู่ตลาดเอเชีย เมื่อวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 ณ ห้องประชุมชั้น M สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ถนนโยธี
ดร.พันธ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า NIA ได้เล็งเห็นถึงโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารที่เพิ่มมากขึ้นทุกปีไม่ว่าจะเป็นการผลิตการส่งออก การบริการ การแปรรูป รวมถึงการเป็นที่ยอมรับในแวดวงระดับโลก โดยบริบทเหล่านี้เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการนำไปต่อยอดธุรกิจหลายแขนง ทั้งกลุ่มวิสาหกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจเอสเอ็มอี รวมทั้งวิสาหกิจเริ่มต้น (สตาร์ทอัพ) ที่ขณะนี้จำเป็นจะต้องเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
"โดยเฉพาะการหันมาประยุกต์ใช้นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และธุรกิจ นอกจากนี้ยังจะต้องเปลี่ยนการแข่งขันจากรูปแบบเดิมๆ มาเป็นการแข่งขันด้วยไอเดียและความแตกต่างซึ่งการผลักดันกระบวนการเหล่านี้ถือเป็นเครื่องมือที่จะช่วยยกระดับให้อุตสาหกรรมอาหารไทยมีศักยภาพและความยั่งยืนมากขึ้น"
ด้านนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า ไทยยูเนี่ยนในฐานะผู้ประกอบการด้านอาหารทะเลระดับโลกนอกจากจะมุ่งมั่นกับการพัฒนาบุคลากรแล้วยังให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะเชื่อว่าคือพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างอนาคตของอุตสาหกรรมอาหารทะเล และยังเป็นความแข็งแกร่งของบริษัท ในการเดินหน้าสู่ความสำเร็จบนเวทีธุรกิจอาหารโลก
"เมื่อสี่ปีที่แล้วไทยยูเนี่ยนได้เริ่มความร่วมมือกับคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนียนขึ้นที่ประเทศไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาทั้งในแง่เทคโนโลยีการผลิตและผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือทั่วโลก"
ด้าน นายวิเชียร สุขสร้อย รองผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติฯ ระบุว่า ทางสำนักงานมีบทบาท เป็นคนพัฒนาระบบนิเวศ ของสตาร์ทอัพในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา หลักๆ คือเป็นหุ้นส่วนให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการพัฒนาสตาร์ทอัพ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานเอกชน
"ในไทยตอนนี้มี "วงใน" ที่คอยรีวิว "ฟู้ดแพนด้า" ที่คอยส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน แต่ยังไม่มีสตาร์ทอัพที่เป็นไฮเทคเลย เรียกว่าฟู้ดเทคแบบที่เข้าถึงผู้คนง่ายมีเยอะ แต่ส่วนที่เจาะลึกทางเทคโนโลยียังไม่ค่อยเห็นเท่าไร”
ดร.ธัญญวัตน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรม กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน เผยว่า บทบาทของไทยยูเนี่ยนได้มีการมองภาพมานานสมควร บริษัทอาหารหลายบริษัทจะสร้างมาด้วยตนเอง สี่ปีที่ผ่านมาได้พัฒนานวัตกรรมได้หลายตัว ถ้าเราต้องการมีความลํ้าหน้าด้านนวัตกรรมเราต้องมุ่งด้านความร่วมมือในเรื่องของสตาร์ทอัพ และใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ เราได้มีการคุยกันหลายหน่วยงาน เราสามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ลงไปในผลิตภัณฑ์และส่งออกทั่วโลก และมีความร่วมมือของสองหน่วยงาน
รศ.ดร.สิทธิวัฒน์ เลิศศิริ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า Tech-based start up ทั้งหลายล้วนเกิดจากนวัตกรรมที่มาจากงานวิจัย โดยแนวคิดนี้เริ่มเป็นที่คุ้นเคยของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ซึ่ง Ecosystem ของสถาบันการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูงนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมจากการวิจัย
"ดังนั้นคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลจึงเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง SPACE-F เพื่อสร้าง FoodTech Startup ผลักดันการสร้างนวัตกรรมและพัฒนาบัณฑิตที่สนใจให้เป็น Enterpreneur ในอนาคตโดยคณะวิทยาศาสตร์จะสนับสนุน Ecosystem ในการทำงานวิจัยอันได้แก่สถานที่ห้องปฏิบัติการงานวิจัย นักวิจัย องค์ความรู้ ตลอดจนผลงานวิจัยที่มีอยู่ คณะวิทยาศาสตร์หวังว่าการร่วมมือกันของพันธมิตรทั้งสามฝ่ายจะเพิ่มอัตราความสำเร็จของ Startup เหล่านี้ จนกระทั่งสามารถสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับประเทศไทยและระดับโลก"
ทั้งนี้ มีความคาดหวังว่า หลังจากเริ่ม SPACE-F แล้วจะมีสตาร์ทอัพฝีมือคนไทยเพิ่มมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีอาหารหรือฟู้ดเทคยังไม่มีคนไทยให้ความสนใจมากนัก โดยตัวอย่างกลุ่มสตาร์ทอัพที่จะสนับสนุน เช่น Restaurant Tech, Alternative Proteins และ Smart Food Services