xs
xsm
sm
md
lg

5 นวัตกรรมแปลงร่าง “ข้าวไทย”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ส่อง 5 นวัตกรรมแปลงร่าง "ข้าวไทย" สู่อินโนเวชันล้ำสมัย ปลุกไอเดียธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ด้วย "ความแตกต่าง"

นอกเหนือจากการปลูกข้าวและการแปรรูปให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นกลางเพื่อส่งออกและบริโภคนั้น ยังมีนวัตกรรมข้าวเพื่อเป็นทางออกในการลดการแข่งขันด้านราคา รวมถึงรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและมีความเฉพาะกลุ่มมากขึ้น (Niche Market) ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิตที่เร่งรีบ เทรนด์การดูแลสุขภาพ การเน้นคุณภาพและความปลอดภัย การประยุกต์สู่ผลิตภัณฑ์ที่นอกเหนือจากการนำไปบริโภค

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ระบุว่า การทำข้าวนวัตกรรมในรูปแบบต่างๆ นี้ นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่จะต้องเร่งผลักดันให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมการผลิตข้าวไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางการบริโภคข้าวให้มากขึ้น พร้อมโอกาสในการเข้าถึงตลาดต่างๆที่ใหญ่ขึ้นได้เช่นกัน

กว่า10 ปีที่ผ่านมา NIA ได้ร่วมกับ มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดการประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทยขึ้น โดยกิจกรรมนี้นับว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะทำให้แต่ละปีมีสินค้านวัตกรรมที่ผลิตจากข้าวออกสู่ตลาดหลากหลายประเภท ทั้งกลุ่มเวชภัณฑ์และยารักษาโรค กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ อาหารเพื่อสุขภาพ ข้ามไปถึงอุปกรณ์เพื่อการสร้างบ้าน

สำหรับ 5 นวัตกรรมข้าวที่น่าสนใจ มีดังนี้

1. รางวัลชนะเลิศจากปี 2561 ซึ่งเป็นผลรางวัลปีล่าสุดของการประกวด ได้แก่ ผลงาน “KD Care : ข้าวหอมโปรตีนต่ำพร้อมรับประทาน” เป็นนวัตกรรมข้าวที่ถูกคิดค้นมาเพื่อผู้ที่กำลังมีปัญหาด้านสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง โดยกลุ่มผู้คิดค้นจากบริษัท ไทย นิวทริชั่น เทคโนโลยี จำกัด ได้นำข้าวหอมปทุมธานีซึ่งมีโปรตีนอยู่ระหว่างร้อยละ 5 – 8 มาผ่านกระบวนการย่อยโปรตีนด้วยเอนไซม์ แล้วนำไปทำแห้ง

ข้าวที่ผ่านกระบวนการย่อยดังกล่าวมีปริมาณโปรตีนน้อยกว่า 1.19 กรัมต่อ 100 กรัม แล้วนำข้าวที่ได้มาบรรจุใน retort cup แล้วผ่านกระบวนการสเตอริไลส์เป็นข้าวพร้อมรับประทาน ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคไต คือ ถ้าปริมาณโปรตีนในข้าวที่รับประทานลดลง จะทำให้ผู้ป่วยสามารถรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้เพิ่มขึ้น เพราะผู้ป่วยต้องการกรดอะมิโนจำเป็นจากเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพดีไม่ใช่จากพืช

2. ถัดมาเป็นผลงานนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากปี 2560 “GANFAI (Green and Fire Retardant Acoustic Decorative Item)” นวัตกรรมระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อนและดูดซับเสียงสำหรับตกแต่งอาคารและที่อยู่อาศัย และเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกให้กับสถาปนิกและวิศวกร เป็นนวัตกรรมที่ทำจากฟางข้าวและเยื่อกระดาษ

แผ่นฉนวนดังกล่าวมีส่วนผสมฟางข้าวกับเยื่อกระดาษในอัตราส่วน 1 : 1 ถึง 4 : 1 แล้วอัดขึ้นรูปโดยแม่พิมพ์ จากนั้นแช่ในสารละลายสารหน่วงไฟ แล้วอบแห้ง ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติน้ำหนักเบาความหนาแน่น 0.12 – 0.18 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร มีค่าความทนแรงดึงสูงสุดถึง 150 นิวตันต่อเซนติเมตร มีค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อนเพียง 0.028 – 0.088 วัตต์ มีค่าความต้านการลุกไหม้ ตามมาตรฐาน ISO 5657 : 1997 นวัตกรรมชิ้นนี้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับฟางข้าวได้กว่า 70 เท่า

3. “BR Staining Kit : ชุดย้อมสีจากข้าวเหนียวดำสำหรับประเมินรูปร่างอสุจิและงานนิติวิทยาศาสตร์” ผลงานชิ้นนี้เป็นนวัตกรรมระดับโลก ที่นำไปใช้เป็นสีย้อมสำหรับประเมินรูปร่างอสุจิซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณาภาวะมีบุตรยาก งานนิติวิทยาศาสตร์ในการย้อมตัวอย่างจากเศษผ้าที่เปื้อนคราบอสุจิ หรือตัวอย่างสำลีป้ายช่องคลอดจากคดีข่มขืน

ในกรณีย้อมสีประเมินรูปร่างอสุจินั้น นำข้าวเหนียวดำมาสกัดด้วยน้ำที่มีส่วนผสมของ Potassium alum กรดซิตริก และเอทานอล หรือในกรณีย้อมสีตัวอย่างผ้าที่เปื้อนคราบอสุจิ สกัดด้วยน้ำที่มีส่วนผสมของ Potassium alum ซึ่งการใช้ข้าวเหนียวดำนี้ ทดแทนสีสังเคราะห์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ และทดแทนสี Hematoxylin ซึ่งได้มาจากต้นไม้ Log Wood โดยสีย้อมจากข้าวเหนียวดำให้ผลไม่ต่างจากสีสังเคราะห์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังมีความน่าสนใจที่พบว่าข้าวเหนียวดำ 1 กก. ราคา 50 – 80 บาท สามารถผลิตสีย้อมได้ 250 มิลลิลิตร จำหน่ายในราคา 500 บาท มีขั้นตอนการย้อมสีเพียง 9 ขั้นตอน เมื่อเปรียบเทียบกับสีสังเคราะห์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันราคาอยู่ที่ 5,000 บาท มีขั้นตอนการย้อม 20 ขั้นตอน นวัตกรรมชิ้นนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อศูนย์บริการหน่วยผู้มีบุตรยากภาครัฐและเอกชน ห้องปฏิบัติการตรวจพิสูจน์หลักฐาน รวมถึงห้องปฏิบัติการตรวจวัตถุพยานจากคดีข่มขืน

4.“HERBALIST SIAM : RED JASMINE RICE PHYTO CELL SERIES” จาก บริษัท วธูธร จำกัด ผลงานชิ้นนี้เป็นนวัตกรรมระดับประเทศด้านการนำสารสกัดจากแคลลัสข้าวหอมมะลิแดง ที่มีสารสำคัญในกลุ่มของ Phenolic Compound, Procyanidin, Amino-acid ซึ่งการใช้เทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อให้เกิดแคลลัส จะให้ปริมาณสารสำคัญที่สูงกว่าการสกัดจากเมล็ดข้าว และมีฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าสารสกัดจากเมล็ดข้าวถึง 3 เท่า แล้วนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สบู่ ครีม และเซรั่ม ที่มีการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ

สำหรับการผลิตนวัตกรรมชิ้นนี้จะใช้ข้าวเปลือก 3 กิโลกรัม นำมาแกะเป็นเมล็ดข้าวสารหอมมะลิแดงได้ 1 กิโลกรัม จากนั้นจะใช้ข้าวสารหอมมะลิแดง 1 กิโลกรัม เพาะเลี้ยงแคลลัส ได้ 1 กิโลกรัม แล้วนำแคลลัส 1 กิโลกรัม นำมาสกัด เพื่อให้ได้สารสกัดจากสเต็มเซลล์ 1 ลิตร ทั้งนี้ หากประเมินราคาของสารสกัดจะอยู่ที่ 18,000 บาท ต่อ 1 ลิตร และถ้าหากประเมินยอดการใช้สารสกัด 25 กิโลกรัมต่อการผลิตสินค้า 5,000 ชุด (Serum, Cream, Soap) พบว่าช่วยเพิ่มมูลค่าสารสกัดคิดเป็น 900 เท่าของข้าวเปลือกหอมมะลิแดง

5.นวัตกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพ “Dr.O Anti-Aging Skin Essence” นวัตกรรมระดับประเทศด้านผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Essence ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการระงับกลิ่นกาย ซึ่งเกิดจากความสามารถในการควบคุมปฏิกิริยา oxidation ของร่างกายลดลงในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยนำเถ้าแกลบที่มีซิลิกาประมาณร้อยละ 70 – 90 มาสกัดด้วยกระบวนการ ultrasonic extraction ซึ่งจะทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ lipoxidase ที่เป็นตัวเร่งในการทำให้เกิดกลิ่น

นอกจากนั้นน้ำด่างเถ้าแกลบยังมีแร่ธาตุต่างๆ ที่สามารถดูดซับกลิ่นไวภายในและภายนอกโมเลกุล โดยจะเกิดปฏิกิริยาสะเทินกรด fatty acid นวัตกรรมชิ้นนี้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขี้เถ้าแกลบได้มากถึง 770 เท่า นอกจากนี้ยังเป็นการนำของเหลือทิ้งจากกระบวนการแปรรูปข้าวมาสร้างมูลค่าเพิ่ม และยังเป็นทางเลือกของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชะลอวัย ที่เพิ่มเติมคุณสมบัติในการระงับกลิ่นกายเข้ามาไว้ในผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 020175555
เว็บไซต์ www.nia.or.th
หรือ Facebook.com/NIAThailand


กำลังโหลดความคิดเห็น