โซยุซทะยานจากฐานปล่อยจรวดในคาซัคสถาน ขนส่ง 3 มนุษย์อวกาศรัสเซีย แคนาดาและอเมริกัน มุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศ นับเป็นการขนส่งมนุษย์สู่วงโคจรเป็นครั้งแรก หลังยานล่มตอนปล่อยตัวเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
จรวดโซยุซ (Soyuz rocket) ของรัสเซีย ทะยานขึ้นจากฐานปล่อยจรวดไบโคนัวร์คอสโดรมในคาซัคสถานเมื่อเวลาประมาณ 18.31 น.ของวันที่ 3 ธ.ค.2018 ตามเวลาประเทศไทย โดยเป็นการขนส่งมนุษย์ครั้งแรกนับแต่จรวดโซยุซล่มตอนปล่อยตัวเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
หลังทะยานจากฐานปล่อยยานอวกาศจะใช้เวลาประมาณ6 ชั่วโมงเดินทางไปถึงสถานีอวกาศนานาชาติ(InternationalSpace Station) และเชื่อมต่อกับสถานีพร้อมนำส่งลูกเรือขึ้นไปประจำการบนสถานีอวกาศนาน6เดือนครึ่ง
ลูกเรือในเที่ยวบินล่าสุดของโซยุซได้แก่ โอเล็ก โกโนเน็นโก(OlegKononenko) แอนน์แมคเคลน (AnneMcClain) มนุษย์อวกาศสังกัดองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) และเดวิด แซงต์-ฌาคส์ (David Saint-Jacques) มนุษย์อวกาศจากองค์การอวกาศแคนาดา (Canadian Space Agency)
รายงานระบุว่าหลังจรวดของรัสเซียทะยานฟ้าขึ้นไปไม่กี่นาทีทางองค์การอวกาศรัสเซียรอสโคมอส (Roscomos) ก็ประกาศว่าแคปซูลอวกาศได้ปล่อยสู่วงโคจรได้อย่างปลอดภัยเช่นเดียวกับทางผู้อำนวยการของนาซาจิม ไบเดนสไตน์ (Jim Bridenstine) ที่ยืนยันผ่านทวิตเตอร์ว่าลูกเรือทั้งหมดอยู่ในวงโคจรอย่างปลอดภัยพร้อมทั้งขอบคุณทีมสหรัฐฯและรัสเซียที่ทุ่มเทเพื่อความสำเร็จในการปล่อยจรวด
เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินขนส่งลูกเรือเที่ยวบินแรกสำหรับจรวดโซยุซ(ที่ออกแบบใช้งานมาตั้งแต่ยุคโซเวียต)หลังจากอุบัติเหตุเมื่อวันที่11ต.ค.ที่ผ่านมาที่การปล่อยจรวดโซยุซต้องล่มหลังจากปล่อยตัวไม่กี่นาทีส่งผลให้ลูกเรือในยาน 2คนคือ อเล็กซีย์ ออฟชินิน(Aleksey Ovchinin) มนุษย์อวกาศรัสเซียและ นิค แฮก (Nick Hague) มนุษย์อวกาศสหรัฐฯ ต้องลงจอดฉุกเฉิน
แม้ลูกเรือในเที่ยวบินเมื่อเดือนต.ค.จะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยแต่การปล่อยจรวดครั้งนั้นก็ล้มเหลวและนับเป็นความล้มเหลวครั้งแรกในประวัติศาสตร์หลังยุคโซเวียตของรัสเซียจนปลุกให้เกิดความกังวลต่อสถานภาพของโครงการโซยุซทว่ายานโซยุซก็เป็นทางเลือกเดียวในตอนนี้ที่จะขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติหลังจากที่กระสวยอวกาศของสหรัฐฯได้ปลดระวางลงเมื่อปี 2011
ทางด้านลูกเรือนั้นไม่ได้กังวลต่อเที่ยวบินนี้โดยขณะจะก้าวเข้าสู่แคปซูลโซยุซทั้ง โกโนเน็นโก ,แมคเคลนและแซงต์-ฌาคส์ต่างส่งรอยนิ้มและชูนิ้วโป้งให้แก่ฝูงชนซึ่งรวมถึงญาติสนิมมิตรสหายของทั้งสามคนด้วยซึ่งระหว่างแถลงข่าวก่อนวันส่งจรวดนั้นโกโนเน็นโกในฐานะผู้บัญชาการลูกเรือได้เผยว่าลูกเรือต่างเชื่อมั่นในทีมที่เตรียมพร้อมการบิน
“ความเสี่ยงคือส่วนหนึ่งในการเป็นมืออาชีพของพวกเราเราได้รับการเตรียมพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจเพื่อเตรียมพร้อมในการปล่อยตัวรวมถึงสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม,ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดทรงกรุณาอย่าให้เกิดเช่นนั้นเลย,ที่อาจจะเกิดขึ้นในเที่ยวบินนี้”ผู้บัญชาการวัย 54ปีกล่าว
ขณะที่แมคเคลนวัย39ปีซึ่งเป็นลูกเรือหญิงคนเดียวในเที่ยวบินนี้และเป็นอดีตนักบินของกองทัพสหรัฐฯบอกว่าลูกเรือต่างตั้งตารอคอยที่จะขึ้นสู่วงโคจรและบอกว่าลูกเรือทุกคนนั้นพร้อมสำหรับการเดินทางส่วน แซงต์-ฌาคส์วัย 48ปีบอกว่ายานอวกาศโซยุซนั้นมีความปลอดภัยอย่างน่าทึ่ง
แซงต์-ฌาคส์บอกว่าอุบัติเหตุเมื่อเดือน ต.ค.นั้นเน้นย้ำให้เห็นถึงการออกแบบโซยุซที่ชาญฉลาดและยังมีการทำงานอย่างยอดเยี่ยมของทีมค้นหาและกู้ชีพบนภาคพื้นที่เตรียมพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในการปล่อยจรวดทุกครั้ง
นอกจากนี้ความสำเร็จในการนำส่งลูกเรือเที่ยวล่าสุดนี้ยังเกิดขึ้นหลังความสำเร็จในเที่ยวบินขนส่งเสบียงของยานโซยุซเมื่อวันที่16พ.ย.2018ที่ทะยานขึ้นจากฐานปล่อยจรวดในไบโคนัวน์เช่นกันและได้นำส่งอาหารเชื้อเพลิงและเครื่องยังชีพอีกหลายตันขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ
ทางด้านรัสเซียระบุว่าเหตุการณ์เมื่อเดือน ต.ค.นั้นการปล่อยจรวดล้มเหลมเนื่องจากเซนเซอร์เสียหายระหว่างการประกอบที่ไบโคนัวร์คอสโมโดรมแต่ยืนยันว่าในส่วนของยานอวกาศนั้นยังคงมีความปลอดภัย
การเดินทางสู่วงโคจรครั้งนี้เป็นการเดินทางในภารกิจครั้งที่4ของโกโนเน็นโกและจะเพิ่มสถิติการใช้ชีวิตในอวกาศนานกว่า533วันของเขาขณะที่ลูกเรืออีก 2คนคือ แซงต์-ฌาคส์และแมคเคลนนั้นเดินทางสู่วงโคจรเป็นครั้งแรกในเที่ยวบินนี้
ลูกเรือโซยุซทั้ง 3 คนจะขึ้นไปสมทบลูกเรือบนสถานีอวกาศอีก 3 คน คือ อะเล็กซานเดอร์ เกิร์สต์ (Alexander Gerst) มนุษย์อวกาศจากองค์การอวกาศยุโรป (อีซา) เซเรนา ยูนอน-ชายเซลเลอร์ (Serena Aunon-Chancellor) จากนาซา และ เซอร์กี โปรโกปเยฟ (Sergei Prokopyev) จากรอสโคมอส
โกโนเน็นโกบอกว่า ภารกิจของลูกเรือคือการเดินอวกาศในวันที่ 11 ธ.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสำรวจรอยรั่วน่าสงสัย ที่เป็นสาเหตุของอากาศรั่วบนสถานีอวกาศนานาชาติ
ทางด้าน แซงต์-ฌาคส์ นั้นเป็นมนุษย์อวกาศแคนาดาคนแรกที่ไปเรือสถานีอวกาศ หลังการปฏิบัติภารกิจของมนุษย์อวกาศเพื่อนร่วมชาติคนก่อนหน้านี้คือ คริส แฮดฟิล์ด (Chris Hadfield) ซึ่งสร้างความประทับใจด้วยการร้องเพลงดังของเดวิด โบวี (David Bowie) เพลง Space Oddity ขณะอยู่บนสถานีอวกาศเมื่อปี 2013
ครั้งนี้ภารกิจของ แซงต์-ฌาคส์ คือ การทดลองของแคนาดาที่ชื่อ At Home in Space ซึ่งเป็นการศึกษาอย่างใกล้ชิดว่า ลูกเรือบนสถานีกวาศนั้นใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นอย่างไรจากการสร้างวัฒนธรรมร่วม
นอกจากนี้ลูกเรือใหม่ของสถานีอวกาศยังเตรยมการทดลองอีกหลายสิบการทดลอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการทดลองที่มีนักวิทยาศาสตร์อังกฤษเป็นแกนนำ นั่นคือการใช้หนอนศึกษาการสูญเสียกล้ามเนื้อในอวกาศ ซึ่งเป็นการทดลองที่จะปูทางสู่การบำบัดรักษาใหม่ๆ สำหรับอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับกล้ามเนื้อสำหรับคนบนโลก
ส่วนแมคเคลนนั้นเคยรับใช้ชาติโดยประจำการที่อิรัก และยังเป็นตัวแทนสหรัฐฯ ในการแข่งขันรักบี้หญิง ซึ่งเธอเคยบอกว่า การฝึกเพื่อเดินอวกาศนั้นคล้ายกับการแขงขันกีฬา เพราะต้องอาศัยทั้งความอดทน ความทรหด จิตใจที่มุ่งมั่น และอื่นๆ อีกมาก
ภารกิจความร่วมมือทางด้านอวกาศระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ นี้ เป็นความสัมพันธ์เพียงไม่กี่เรื่อง ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดระหว่างอดีตศัตรูในยุคสงครามเย็น แต่เอเอฟพีระบุว่า ทางด้านรัสเซียก็มีการกระเซ้าสหรัฐฯ ด้วยอารมณ์ขันว่า รัสเซียจะทำภารกิจไปเยือนดวงจันทร์ เพื่อตรวจสอบว่า สหรัฐฯ เคยไปลงจอดบนดวงจันทร์จริงหรือไม่