................
จิ้งเหลนด้วงปักธงชัย
Brachymeles miriamae (HEYER, 1972)
สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช จังหวัดนครราชสีมา
...............
แหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เชื่อถือได้และหนังสือเกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลานนับสิบเล่มถูกเปิดใช้งานอย่างต่อเนื่องมามากกว่าสัปดาห์แล้วถ้าผมนับไม่ผิด เป็นเพราะความห่างหายร้างราจากองค์ความรู้ที่รักที่ชอบไปนานส่งผลให้การรื้อฟื้นกลับมาต้องทุ่มใช้เวลากับมันไปอย่างมหาศาล นอกจากข้อมูลดั้งเดิมซึ่งเคยศึกษาเล่าเรียนมาแล้วยังมีองค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทั้งการปรับเปลี่ยนไปตามการข้อมูลที่ได้รับจากการศึกษาเพิ่มเพิ่มเติมต่อเนื่องหรือองค์ความรู้ซึ่งค้นพบใหม่ก็ตามแต่ แน่นอนว่าความรู้สึกในเชิงลบไม่ได้เกิดขึ้นเลยกลับเป็นตื่นเต้นด้วยความยินดีเสียด้วยซ้ำสำหรับองค์ความรู้เหล่านั้น โดยเฉพาะกับรายงานการพบเจอสัตว์ชนิดใหม่หรือรายงานการแพร่กระจายใหม่ของสัตว์กลุ่มนี้ในพื้นที่ประเทศไทย
“มีเรื่องขอรบกวน อยากให้ช่วยมาบรรยายสัตว์เลื้อยคลานพวกกิ้งก่าในรายวิชาหน่อยน่ะ” เพื่อนคนหนึ่งถาม ไม่มีการปฏิเสธสำหรับการร้องขอความช่วยเหลือในรูปแบบนี้อยู่แล้ว ผมตอบรับด้วยความเต็มใจ หลังจากสื่อสารกันเรื่องเวลา สถานที่ และความครอบคลุมของเนื้อหาแล้ว เหตุการณ์ในข้องต้นก่อนหน้าก็เป็นไปตามที่ได้เกริ่นกล่าว
เมื่อเตรียมข้อมูลมาถึงเนื้อหาเรื่องความหลากหลาย เท่าที่ผมนับได้ในตอนนี้ กว่า 170 ชนิดของสัตว์เลื้อยคลานในเฉพาะกลุ่มกิ้งก่าที่รวมถึงสัตว์ในกลุ่มจิ้งเหลน แย้ ตะกวด จิ้งจก และตุ๊กแกได้รับการรายงานแล้วว่าสามารถพบได้ในประเทศไทย จำนวนประชากรมากน้อยหรือสามารถพบได้ง่ายยากแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตุ๊กแกป่าหรือตุ๊กกายในสกุล Cyrtodactylus กว่า 24 ชนิดในปัจจุบัน ซึ่งหลายชนิดเป็นสัตว์ถิ่นเดียวที่มีกรายงานการพบเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น และแน่ใจว่ามีอีกมากคงยังไม่ได้รับการค้นพบ ตีพิมพ์ และรอการเผยแพร่เป็นข้อมูลแก่สาธารณะ หรือจะเป็นกลุ่มจิ้งเหลนซึ่งลดรูปรยางค์ขาคู่หน้าและหลังเพื่อการปรับตัวให้เข้ากับการดำรงชีวิตอยู่ใต้เศษซากใบไม้และผิวดิน ไม่ว่าจะเป็นจิ้งเหลนด้วงในสกุล Isopachys หรือ Brachymeles ถ้าผ่านตาเผิน ๆ อาจเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานในกลุ่มงู แต่เนื่องจากลักษณะหลายอย่าง เช่น โครงสร้างของกะโหลกที่แตกต่างกัน ช่องเปิดรูหูที่จะไม่พบในงู หรือหางที่สามารถปล่อยหลุดออกได้เพื่อเบี้ยงเบนความสนใจของผู้ล่าซึ่งงูไม่สามารถทำได้ เป็นต้น จากระดับความยากที่ค่อนข้างยากมากในการพบตัวเพราะมุดตัวอาศัยใต้ดินและจำนวนผู้สนใจศึกษาไม่มากนักแต่ใช่ว่าจะไม่มี ยังคงมีองค์ความรู้อีกมากให้เราค้นหาสำหรับสัตว์ในกลุ่มนี้จากความคิดเห็นของตัวผมเอง นี่ยังไม่นับรวมบรรทัดว่างเปล่าที่ว่างเว้นไว้ในข้อมูลพื้นฐานอีกนับไม่ถ้วนของสัตว์อีกหลายชนิด เรายังคงไม่รู้เรื่องราวอะไรอีกมาก ว่าพวกมันมีวงจรชีวิตอย่างไร การอยู่กิน ช่วงอายุ การสืบพันธุ์ ความเสี่ยงต่อการถูกคุกคามหรือการสูญพันธุ์ ความสำคัญในระบบนิเวศ เราสามารถมองหาและนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างไหม
“แล้วอยากจะได้จะมีกันเหลือเกินนะนวัตกรรมนู่นนี่นั่นน่ะ จริง ๆ องค์ความรู้ใหม่ก็นับเป็นประโยน์ไม่ใช่เหรอ ที่ข้อมูลพื้นฐานจำเป็นน่ะพอเหรอที่จะใช้ต่อยอด นวัตกรรมมันไม่ใช่แค่การผลิตสินค้านู่นนี่ออกมาสร้างเงินสร้างกำไรนะหรือคิดวนกันอยู่ได้แต่นั้น” ผมเผลอหลุดเสียงอุทานออกมาจากมุมมืด ๆ เบื้องลึกของความคิดเห็นส่วนตัว ระหว่างกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยหลุดออกนอกเรื่องราวไกล เสียงนาฬิกาเตือนเวลาประจำชั่วโมงก็ดังขึ้นดึงสติกลับมาจดจ่อเข้ากับภาระตรงหน้าที่ยังไม่แล้ว ภาพอีกมากยังต้องเติมเข้าไปในไฟลเพื่อใช้ในการเล่ากล่าวเรื่องราวของสัตว์ที่น่าหลงไหลกลุ่มนี้
“รู้งี้” เป็นคำที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดระหว่างการตระเตรียมตั้งแต่เริ่มต้น
“รู้งี้” ใช้อธิบายถึงความฉุนเฉียวใจในความขี้เกียจตัวเป็นขนของตัวผมเองได้อย่างดี ภาพหลายภาพซึ่งน่าจะนำมาใช้งานได้กลับไม่สามารถนำมาใช้ได้ ทั้งจากเพราะไฟล์ภาพที่บันทึกไว้ขนาดเล็กไป ไฟล์ภาพต้นฉบับหายไปแล้ว ภาพที่บันทึกมาไม่ดีพอที่จะนำมาใช้งาน หรือแม้แต่กระทั่งไม่ได้บันทึกภาพเก็บไว้จากในพื้นที่ธรรมชาติเนื่องจากไม่ได้ใส่ใจ ความขี้เกียจ และไร้ซึ่งความตระหนักถึงการนำเอามาใช้งานในอนาคต ประสบการณ์ครั้งนี้คงสั่งสอนให้ผมพยายามมากขึ้นและไม่ปล่อยโอกาสในการบันทึกภาพอีกแน่ถ้าได้มีโอกาสเข้าไปในพื้นที่ธรรมชาติแล้วพบเจอสัตว์ทั้งหลาย “ถ้ามีโอกาสได้ไปนะ” “แล้วจะมีโอกาสได้พบอีกหรือเปล่า” ความคิดด้านลบผุดขึ้นต่อเนื่องอย่างหยุดไม่อยู่
ในเช้าของวันเวลาที่นัดหมาย จำนวนผู้เข้าฟังอีกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ถ้าอยู่ก็จะครบตามจำนวนที่ได้รับแจ้ง “คนเดียวผมก็พูดครับ ผมอยากพูด” คำกล่าวชวนหัวเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเพื่อปรับลดบรรยากาศความตรึงเครียดในห้องบรรยายลง และเริ่มต้นการบรรยายเพื่อไม่ให้เวลาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญนั้นสูญเปล่าไร้ค่าสำหรับผู้คนตรงหน้าและคาดหวังว่าคนอื่นจะตามเข้ามาในไม่ช้า
ความคาดหวังของผมไร้ค่าเมื่อเวลาตามกำหนดหมดลง
เกี่ยวกับผู้เขียน
จองื้อที
แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ
"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"
พบกับบทความ "แบกเรื่องป่าใส่บ่ามาเล่า" ของ “จองื้อที” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน