ทายาทนักจักรวาลวิทยาผู้ล่วงลับ “ฮอว์กิง” สานต่องานพ่อตีพิมพ์หนังสือเล่มสุดท้าย ซึ่งพยายามตอบคำถามสำคัญๆ ที่ยังคาค้าง ตั้งแต่พระเจ้ามีอยู่จริงหรือไม่ ไปจนถึงความเป็นไปได้ที่เราจะเดินทางข้ามเวลา
สตีเฟน ฮอว์กิง (Stephen Hawking) นักจักรวาลวิทยาชื่อดัง ได้เริ่มงานเขียนหนังสือ “Brief Answers to the Big Questions” เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา หนังสือดังกล่าวพยายามตอบคำถามสำคัญๆ อย่างพระเจ้ามีอยู่จริงหรือไม่ ไปจนถึงความเป็นไปได้ที่เราจะเดินทางข้ามเวลา แต่ยังไม่ทันเขียนหนังสือเสร็จเขาก็เสียชีวิตลงเมื่อเดือน มี.ค.2018 ขณะอายุได้ 76 ปี
ทว่าลูกๆ และเพื่อนๆ นักวิชาการของนักฟิสิกส์ทฤษฎีผู้นี้ ได้ช่วยกันจัดทำหนังสือเล่มดังกล่าวจนเสร็จสมบูรณ์ และเปิดตัวเมื่อวันจันทร์ที่ 15 ต.ค.นี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยอาศัยฐานข้อมูลส่วนตัวเดิมที่มีปริมาณมหาศาล
ลูซี ฮอว์กิง (Lucy Hawking) ลูกสาวของศาสตราจารย์ผู้ล่วงลับ เผยระหว่างเปิดตัวหนังสือเล่มสุดท้ายของพ่อที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (Science Museum) ในลอนดอนว่า ฮอว์กิงมักมีชุดคำถามอยู่ชุดหนึ่ง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็พยายามคำตอบที่ใกล้เคียงคำตอบสุดท้าย ชัดเจนและน่าเชื่อถือที่สุด ซึ่งรวบรวมมาจากคำตอบที่ฮอว์กิงได้ให้ไว้
“สิ่งที่เราทั้งหมดคาดหวังก็เพียงแค่เขาจะอยู่ที่นี่เพื่อเห็นด้วยตัวเอง” ลูซีลูกสาวของฮอว์กิงกล่าวถึงพ่อ
ทั้งนี้ฮอว์กิงใช้ชีวิตตลอดทั้งชีวิตที่เหลืออยู่บนรถเข็นอัจฉริยะ เนื่องจากทุพพลภาพจากโรคเซลล์ประสาทสังการเสื่อม (motor neurone disease) และแม้เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ แต่เขาก็อุทิศตนทำงานเพื่อไขปริศนาอันลึกลับของเอกภพ
ฮอว์กิงกลายมาเป็นผู้มีชื่อเสียงหลังจากตีพิมพ์หนังสือ “A Brief History of Time” เมื่อปี 1988 ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีทั่วโลกที่ไม่เหมือนหนังสือเล่มใดๆ เลย
หนังสือเล่มดังกล่าวมีผู้ติดตามที่ไม่จำกัดแค่แวดลงฟิสิกส์ดาราศาสตร์ และทำให้ประชาชนเริ่มร้องขอให้เขาเขียนในเรื่องที่กว้างขึน ซึ่งมีคำตอบอยู่ในผลงานหนังสือเล่มสุดท้ายนี้
10 คำถามที่ค้างคาใจฮอว์กิงมีดังนี้ 1.พระเจ้ามีจริงหรือไม่ 2.สรรพสิ่งต่างๆ นั้นมีจุดเริ่มต้นอย่างไร 3. มีอะไรอยู่ในหลุมดำ 4. เราทำนายอนาคตได้ไหม 5.การเดินทางข้ามเวลาเป็นไปได้หรือไม่ 6.เราจะอยู่รอดต่อไปบนโลกนี้หรือไม่ 7.มีสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาอื่นในเอกภพอีกหรือไม่ 8.เราควรไปสร้างอาณานิคมในอวกาศหรือไม่ 9.สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาอื่นจะรุกรานเราหรือไม่ 10.เราจะกำหนดอนาคตอย่างไร
ในหนังสือเล่มสุดท้ายของฮอว์กิงระบุว่า มนุษย์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอพยพออกจากโลก ซึ่งหากไม่ทำอย่างนั้นมนุษย์ก็จะถูกทำลายล้างไปหมด และยังบอกอีกว่า คอมพิวเตอร์จะเอาชนะมนุษย์ในเรื่องความฉลาดในอีก 100 ปีข้างหน้า แต่เราจะต้องสร้างความมั่นใจว่า คอมพิวเตอร์จะมีเป้าหมายที่ไปในทิศทางเดียวกับเรา
ฮอว์กิงยังบอกอีกว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์จำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพทางด้านจิตใจและร่างกาย แต่การดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้ได้เผ่าพันธุ์ยอดมนุษย์ที่มีความทรงจำที่ดีเยี่ยมกว่าเราและต้านทานโรคได้ดีกว่าจะกลายเป็นภัยต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ปกติ ทว่าเมื่อถึงเวลาผู้คนก็จะได้ตระหนักว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้น สายเกินเยียวยา
ส่วนคำอธิบายที่เรียบง่ายที่สุดคือพระเจ้าไม่มีอยู่จริง และไม่มีหลักฐานเรื่องชีวิตหลังความตายที่น่าเชื่อถือ แต่คนเรายังจะมีชีวิตได้ต่อผ่านอิทธิพลและพันธุกรรมที่สืบต่อ โดยฮอว์กิงระบุว่าในอีก 50 ปีนับจากนี้เราจะเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมีจุดเริ่มต้นอย่างไร และเป็นไปได้ว่าเราจะได้ค้นพบว่ามีสิ่งชีวิตอื่นที่ไหนสักแห่งในเอกภพนี้ด้วย
ลูซีบอกว่าพ่อของเธอวิตกกังวลอย่างมากเมื่อถึงเวลาที่ปัญหาอุปสรรคต่างๆ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นของทั้งโลกนั้น แต่เรากลับมองเป็นปัญหาเฉพาะถิ่น ถึงเวลานั้นเราต้องเรียกร้องความสามัคคี มนุษยธรรมเพื่อนำเรากลับมารวมกัน และเผชิญหน้ากับปัญหาท้าทายที่อยู่ตรงหน้าพวกเรา
ในรายงานทางวิชาการชิ้นสุดท้ายของฮอว์กิงนั้น เขาได้แย้มให้เห็นมุมมองใหม่เกี่ยวกับหลุมดำ และความย้อนแย้งเชิงข้อมูล (information paradox) ด้วยงานชิ้นใหม่ที่คำนวณเกี่ยวกับปริมาณที่บอกถึงความไม่เป็นระเบียบของระบบ หรือ “เอนโทรปี” (entropy) ของหลุมดำ ซึ่งคำอธิบายดังกล่าวได้นำเสนอในรูปแบบแอนิเมชันระหว่างการเปิดตัวหนังสืออ่านสำหรับคนทั่วไปเล่มท้ายนี้ด้วย