xs
xsm
sm
md
lg

เตือนทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจะกลายเป็น “ทะเลพลาสติก” กระทบห่วงโซ่อาหารมนุษย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โลกกำลังเผชิญปัญหาขยะพลาสติกในทะเล ซึ่งท้ายสุดจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์ (CLAUDIO REYES / AFP)
WWF เตือนทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจะกลายเป็น “ทะเลพลาสติก” หลังพบไมโครพลาสติกในขนาดที่เข้าไปในห่วงโซ่อาหารของมนุษย์เพิ่มได้มากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์

ทั้งนี้ WWF ได้ออกรายงานที่เตือนว่า ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั้นมีไมโครพลาสติกที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไมโครพลาสติกเหล่านั้นจะเข้าไปในห่วงโซ่อาหารมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ได้

รายงาน Out of the Plastic Trap: Saving the Mediterranean from Plastic Pollution ของ WWF ระบุว่า ความเข้มข้นของไมโครพลาสติกในทะเลดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเกือบๆ 4 เท่า

สิ่งที่เป็นปัญหาเหมือนกันทั่วโลกคือ พลาสติกนั้นกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา แต่เรากลับนำพลาสติกเหล่านั้นมากลับมาใช้ใหม่ได้เพียงเล็กน้อย โดยขยะพลาสติดในยุโรปนั้นนำกลับมารีไซเคิลได้เพียง 1 ใน 3

ขยะที่ล่องลอยอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและตามชายหาดนั้นเป็นขยะพลาสติกมากถึง 95% โดยขยะเหล่านั้นส่วนใหญ่มาจากตุรกีและสเปน และแหล่งที่มาอันดับรองๆ ลงไปคือ อิตาลี อียิปต์ และฝรั่งเศส

WWF ระบุว่าเราจะจัดการปัญหานี้ได้ จำเป็นต้องมีความตกลงในระดับนานาชาติเพื่อลดการทิ้งขยะพลาสติกลงทะเล และช่วยกันขจัดพลาสติกที่ยุ่งเหยิงอยู่ในทะเล พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกระตุ้นให้เกิดการรีไซเคิล ห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เช่น ถุงพลาสติกหรือขวดพลาสติก และเลิกใช้ไมโครพลาสติกในสารซักฟอก หรือเครื่องสำอางภายในปี 2025

ส่วนภาคอุตสาหกรรมพลาสติกนั้น WWF แนะว่าควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้หรือย่อยสลายได้ง่ายจากวัสดุุหมุนเวียน ไม่ใช่จากสารเคมีที่ได้จากน้ำมัน สาวภาคประชาชนก็มีส่วนร่วมรับผิดชอบ โดยการตัดสินใจส่วนบุคคล เช่น เลือกใช้หวีหรือเครื่องใช้ภายในบ้านจากไม้แทนพลาสติก

สำหรับประเทศไทยนั้นเพิ่งมีข่าวร้ายจากขยะพลาสติกในทะเล เมื่อ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา วาฬนำร่องครีบสั้นที่ลอยมาเกยตื้นคลองนาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ได้ตายลง ซึ่งจากการชันสูตรของเจ้าหน้าที่พบพลาสติกในท้องวาฬหนักถึง 8 กิโลกรัม
พลาสติกเกยชายหาดที่อินเดีย (PUNIT PARANJPE / AFP)
ขยะที่ชายหาดไนจีเรีย (STEFAN HEUNIS / AFP)


กำลังโหลดความคิดเห็น