แถลงความคืบหน้าตั้ง "กระทรวงวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และการอุดมศึกษา"

รมว. และหน่วยงานวิจัย แถลงความคืบหน้า “การจัดตั้งกระทรวงใหม่” อย่างเป็นทางการ ชี้ตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมประชุมหารือถึงความคืบหน้า เรื่องการควบรวมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานการวิจัยของประเทศกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จัดตั้งเป็นกระทรวงใหม่ ในเบื้องต้นตั้งชื่อว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และการอุดมศึกษา ณ ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี

ดร.สุวิทย์ฯ กล่าวว่า เหตุผลในการควบรวมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานการวิจัยของประเทศกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มี 4 ประเด็น คือ 1.เพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์การสร้างอาชีพให้กับคนไทยในอนาคต 2.เพื่อเตรียมผู้ประกอบการเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็น Startup และ SMEs 3. เพื่อเตรียมเกษตรกรเข้าสู่ยุคสมาร์ทฟาร์มเมอร์ และ 4. เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่ New S-Curve ซึ่งต้องพัฒนาทั้งกำลังคนและเทคโนโลยี

"การควบรวมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานการวิจัยของประเทศกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มีการวางกรอบแนวคิดเบื้องต้นของโครงสร้างกระทรวงใหม่ แบ่งเป็น 4 กลุ่มงาน ได้แก่ 1. กลุ่มงานนโยบายและวางแผน งบประมาณ ทุนวิจัย ซึ่งมีทั้งทุนวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ และสังคมศาสตร์ และประสานความร่วมมือกับต่างประเทศ 2.กลุ่มสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย

สำหรับในกลุ่มสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์นี้
จะใช้รูปแบบคล้ายสภาบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences) โดยดร.สุวิทย์กล่าวว่าจะมีเรื่องงานวิจัย ดาวเทียม ดาราศาสตร์ นิวเคลียร์ ซินโครตรอน โดยมีหน่วยงานอย่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศหรือจิสด้า อีกกลุ่มงานคือ 3. กลุ่มมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัย ทั้งวิจัยพื้นฐาน วิจัยสู่อนาคต และวิจัยประยุกต์ ครอบคลุมทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มนุษย์ศาสตร์ และสังคมศาสตร์ และสุดท้าย 4.กลุ่มมหาวิทยาลัยเชิงพื้นที่ ซึ่งก็คือ มหาวิทยาลัยราชภัฎที่มีทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาตามภูมิสังคมในแต่ละพื้นที่

ด้าน ดร.กอบศักดิ์ฯ กล่าวถึง หลักการทำงานของกระทรวงใหม่ ว่า จะเป็นไปตามลำดับขั้นตอน โดยไม่แยกส่วนกัน และจะทำให้เกิดพลังที่เข้มแข็ง พร้อมวางอนาคตให้กับลูกหลานต่อไป ซึ่งทางกระทรวงใหม่ก็จะมีความสามารถในการทำงานเหล่านี้ควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขั้นตอน หรือแม้แต่เรื่อง พ.ร.บ. กระทรวงใหม่ ทั้ง 3 ฉบับ คือ 1. พ.ร.บ.การจัดตั้งกระทรวง 2.พ.ร.บ. การดูแลเรื่องของการอุดมศึกษา และ 3.พ.ร.บ. เรื่องของการวิจัยนโยบาย นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ วิจัยของประเทศ รวมถึงดูแลหน่วยงานต่างๆ ด้านการวิจัย

"ในส่วนความคืบหน้าของ พ.ร.บ. ทั้ง 3 ฉบับ คืบหน้าไปพอสมควรแล้ว เหลือปรับแค่เล็กๆน้อยๆ ก็น่าจะส่งเข้า ค.ร.ม. ได้ในเวลาที่ไม่นานนัก ทั้งนี้ กระทรวงใหม่ที่ตั้งขึ้นนั้น มองประเทศไทยไปสู่อนาคต โดยใช้วิทยาศาสตร์สร้างชาติ เพราะในประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่น ก็มีการนำกระทรวงวิทยาศาสตร์กับกระทรวงศึกษาธิการ รวมกัน ในยุโรปอย่าง สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศสและเยอรมัน ก็มีการตั้งกระทรวงวิจัยและอุดมศึกษาขึ้นมารูปแบบเดียวกับที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการ"