นาซาเดินหน้าค้นคำตอบว่าเราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่โดดเดี่ยวในจักรวาลด้วยปฏิบัติการส่งดาวเทียมดวงใหม่ที่จะค้นหาดาวเคราะห์ใหม่ๆ นอกระบบสุริยะ และคาดว่าจะได้ค้นพบเพิ่มอีกราวๆ 20,000 ดวง โดยมีศักยภาพสูงกว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศรุ่นก่อนประมาณ 20 เท่า
ดาวเทียมดวงใหม่ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ที่กำลังจะส่งขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกนั้น คือกล้องโทรทรรศน์อวกาศตัวใหม่ที่ชื่อว่า “เทส” (TESS: The Transiting Exoplanet Survey Satellite) ซึ่งมีเป้าหมายค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกด้วยการค้นหาดาวเคราะห์คล้ายโลกที่อยู่ในอวกาศที่อยู่รอบๆ ระบบสุริยะ
ตามรายงานเอเอฟพีระบุว่า ดาวเทียมหรือกล้องโทรทรรศน์อวกาศขนาดประมาณเครื่องซักผ้านี้มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยถูกสร้างขึ้นเพื่อสำรวจการหรี่แสงอย่างสม่ำเสมอของดาวฤกษ์ที่สว่างจ้าและอยู่ใกล้ๆ ระบบสุริยะ ซึ่งหรี่แสงลงนี้อาจจะเป็นผลจาก “การผ่านหน้า” (transits) ของดาวเคราะห์ที่โคจรรอบๆ ดาวฤกษ์ที่เป็นศูนย์กลางระบบ
นาซาคาดว่ากล้องโทรทรรศน์เทสนั้นจะค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ (exoplanet) ประมาณ 20,000 ดวง ซึ่งการค้นพบนั้นจะได้จากการศึกษาบนพื้นโลกที่อาศัยข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ในอวกาศดวงนี้
ปฏิบัติการนี้จะค้นหาสัญญาณของดาวเคราะห์ที่อาจจะเป็นแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิตได้ รวมถึงดาวเคราะห์หิน ดาวเคราะห์ที่มีขนาดใกล้เคียงโลก รวมถึงดาวเคราะห์ที่มีระยะห่างจากดาวฤกษ์ของตัวเองไม่ไกลหรือใกล้เกินไป ซึ่งจะเป็นระยะให้ดาวเคราะห์มีอุณหภูมิที่เหมาะสมให้น้ำอยู่ในสถานะของเหลว
นาซายังคาดการณ์ว่ากล้องโทรทรรศน์เทสจะค้นพบดาวเคราะห์ที่มีขนาดใกล้เคียงโลกมากกว่า 50 ดวง และดาวเคราะห์ที่มีขนาดไม่ถึงสองเท่าของขนาดโลกอีกประมาณ 500 ดวง อีกทั้งยังจะสำรวจท้องฟ้าได้มากกว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศรุ่นก่อนของนาซาอย่างกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ (Kepler Space Telescope) ที่ส่งขึ้นสู่วงโคจรไปเมื่อปี 2009 โดยกล้องตัวใหม่นั้นสำรวจพื้นที่ท้องฟ้าได้ประมาณ 85%
จอร์จ ริคเกอร์ (George Ricker) ผู้ศึกษาหลักในปฏิบัติการเทสจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology: MIT) กล่าวว่า กล้องโทรทรรศน์เทสติดตั้งกล้องถ่ายภาพที่รับสัญญาณไว 4 ตัว ทำให้กล้องตรวจตราท้องฟ้าได้เกือบทั้งหมด และสามารถตรวจหาได้ดีกว่ากล้องโทรทรรศน์เคปเลอร์ประมาณ 20 เท่า
แพทริเซีย พาดี บอยด์ (Patricia "Padi" Boyd) ผู้อำนวยการในโครงการผู้ศึกษารับเชิญในปฏิบัติการเทส ณ ศูนย์การบินอวกาศก็อดดาร์ด ( Goddard Spaceflight Center) ของนาซา ระบุว่าในบรรดากล้องโทรทรรศน์ประเภทเดียวกันกล้องเคปเลอร์นั้นล่าดาวเคราะห์เป็นปฏิบัติการแรก โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบเพียงคำถามเดียวว่า เป็นเรื่องธรรมดาสามัญแค่ไหนที่จะมีดาวเคราะห์คล้ายโลกโคจรรอบดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์
กล้องโทรทรรศน์เคปเลอร์ได้รับการออกแบบให้จับตาดูดาวฤกษ์ในมุมกว้างมากกว่า 150,000 ดวง โดยไม่หยุดพักเป็นเวลาถึง 4 ปี โดยหนึ่งในสิ่งน่าทึ่งหลายๆ อย่างที่กล้องเคปเลอร์ได้บอกเราคือ มีดาวเคราะห์อยู่ทั่วทุกแห่งและมีดาวเคราะห์ทุกประเภทอยู่บนท้องฟ้า
“ดังนั้นกล้องเทสจึงรับไม้ต่อ(กล้องเคปเลอร์) หากมีดาวเคราะห์อยู่ทั่วทุกแห่งก็ถึงเวลาสำหรับเราแล้วที่จะค้นหาดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้กับเราที่สุดที่โคจรอยู่รอบดาวฤกษ์ เพราะนี่จะเป็นระบบกำหนดเกณฑ์มาตรฐาน” บอยด์ระบุ ซึ่งทั้งกล้องเทสและกล้องเคปเลอร์นั้นใช้ระบบเดียวกันในการตรวจการผ่านหน้าของดาวเคราะห์ หรือตรวจเงาที่ทาบไปบนดาวฤกษ์ขณะที่ดาวเคราะห์โคจรผ่านดาวฤกษ์ด้านที่หันมายังโลก
กล้องเคปเลอร์ยืนยันการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบแล้วประมาณ 2,300 ดวง และยังมีดาวเคราะห์อีกหลายพันดวงที่เข้าข่าย แต่อยู่ไกลและแสงจางเกินกว่าที่จะศึกษาได้ และเคปเลอร์ก็ใกล้จะหมดเชื้อเพลิงและใกล้จะหมดอายุ กล้องเทสจะนำการค้นพบนำร่องนั้นมาศึกษาต่อ โดยจะโฟกัสดาวเคราะห์ต่างๆ ให้ใกล้ขึ้นในระยะหลักสิบถึงหลักร้อยปีแสง
ริคเกอร์บอกว่า กล้องเทสจะเพิ่มจำนวนดาวเคราะห์ที่เราต้องศึกษาให้มากขึ้นอีก โดยจะเพิ่มขึ้นจากจำนวนที่กล้องเคปเลอร์พบและตรวจเจออีกมากกว่า 2 เท่า ซึ่งข้อมูลแรกจากกล้องนี้จะเผยแพร่แก่คนทั่วไปในเดือน ก.ค. และนาซายังยินดีให้นักดาราศาสตร์สมัครเล่นมาร่วมศึกษาดาวเคราะห์เพื่อค้นหาสัญญาณของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการอาศัยอยู่ของสิ่งมีชีวิต
ตามกำหนดกล้องเทสจะถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรด้วยจรวดฟอลคอน 9 (falcon 9) ของบริษัทสเปซเอกซ์ (SpaceX) ในวันที่ 16 เม.ย.2018 ตามเวลาท้องถิ่น แต่ก่อนปล่อยจรวด 2 ชั่วโมง สเปซเอกซ์ได้ขอเลื่อนปล่อยจรวดเพื่อตรวจสอบระบบนำร่อง ล่าสุดสเปซเอกซ์ได้ส่งจรวดนำส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรแล้วเมื่อเช้าวันที่ 19 เม.ย.2018 ตามเวลาประเทศไทย