‘ร่วมกันปลูกป่าเพื่อลูกหลานเราจะได้อยู่ในธรรมชาติที่ดี’ ถ้อยคำแสนหวานดั่งแอปเปิลอาบยาพิษเปรียบ เสมือนเนื้อร้ายที่กำลังกัดกินระบบนิเวศของโลกไปเรื่อยๆ ขณะที่เรากำลังตระหนกเรื่อง "สัตว์เอเลี่ยน" แต่ "พืชเอเลี่ยน" กลับถูกละเลย
ประเทศไทยประสบกับปัญหาการรุกรานของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นจากที่เป็นพืชและจากที่เป็นสัตว์มานานนับหลายปี แต่คนส่วนใหญ่ในสังคมมักจะเพ่งความสนใจไปที่การรุกรานของสัตว์ต่างถิ่นมากกว่า โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อสมดุลระบบนิเวศมาก คือการรุกรานของพืชต่างถิ่น พืชเหล่านี้จะทำให้ระบบนิเวศบริเวณนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และอาจตามมาด้วยการสูญพันธ์ของสิ่งมีชิวิตหลายๆ สายพันธุ์
นักวิชาการอิสระด้านนิเวศวิทยาและชีววิทยาวิวัฒนาการ 韋志凌 เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การรุกรานของพืชต่างถิ่นนั้นจะมีการรุกรานและคุกคามระบบนิเวศต่างกัน บ้างก็รุกรานในพื้นที่แห้งแล้ง บางก็รุกรานในในป่าลึก หรือแม้นแต่พื้นที่ทางการเกษตร แต่การระบาดและรุกรานโดยปราศจากการแทรกแซงจากมนุษย์ จะเกิดขึ้นได้อย่างช้าๆและถูกกำจัดได้ด้วยป่าธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์
นักวิชาการอิสระระบุว่า การแทรกแซงจากมนุษย์เพื่อเปิดทางให้พืชต่างถิ่นเข้ามารุกรานได้ง่ายขึ้น สามารถมาจากการบุกรุกทำลายป่า ทำสวนทำไร่ และการปลูกป่าที่มีส่วนช่วยในการเร่งให้พืชดังเดิมในป่าถูกรุกรานด้วยพืชที่เรานำมาปลูก นั้นเป็นเพราะว่าพืชที่นำมาปลูกป่ากันนั้นเป็นพืชที่โตเร็ว ในขณะที่ในดินของป่าที่ถูกมองว่าเป็นป่าเสื่อมโทรมนั้นมีเมล็ดพันธ์ที่รอการงอกอยู่มากมายหลายล้านเมล็ด
"เมื่อพืชที่เรานำมาปลูกโตตัดหน้าเมล็ดพืชป่าเหล่านี้ ทำให้พืชป่าหลายชนิดไม่สามารถกระจายเข้ามาจับจองพืชที่และเจริญเติบโตขึ้นมาได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือป่าแห่งนี้จะมีความหลายหลายทางพันธุกรรมต่ำ เพราะพืชที่นำมาปลูกเป็นพืชที่มาจากพ่อพันธ์แม่พันธุ์ตัวเดียวกัน"
อีกทั้งพวกพืชปลูกนั้นจะไปแทรกแซงการทำงานของแมลงที่ทำหน้าที่ผสมเกสร แมลงพวกนี้จะบินเข้าหาแหล่งอาหารที่มีมากและหาได้ง่าย ก่อให้พืชหายากหลายชนิดที่มีจำนวนไม่มากในป่า ไม่ได้รับการผสมพันธ์และสูญพันธุ์ไปในที่สุด
ในการปลูกป่าทดแทนด้วยพืชท้องถิ่นหลากหลายชนิด ก็ใช่ว่าจะช่วยส่งเสริมให้ป่านั้นมีความหลายหลายทางพันธ์พืชมากขึ้น เนื่องจากในชนิดพันธ์เดียวกันแต่ประชากรก็มีพันธุกรรมต่างกัน หรือแม้นแต่ประชากรกลุ่มดียวกันมาจากพ่อพันธ์แม่พันธ์ต้นเดียวกันก็ยังมีพันธุกรรมที่ต่างกันเหมือนที่มนุษย์มี DNA ที่ต่างกัน
"ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดในการรักษาความหลายหลายทางธรรมชาติของป่าคือปล่อยให้มันฟื้นฟูเองตามธรรมชาติ เพราะในป่าแต่ละแห่งนั้นมีธนาคารเชื้อพันธ์ในดิน (Seed Banks) อยู่แล้วเพียงแต่เรามองไม่เห็นถ้าหากมันยังไม่พร้อมที่จะงอกออกมา อีกทั้งยังมีการแพร่กระจายของเมล็ดพันธ์เข้ามาตามธรรมชาติ สังเกตได้จาก หมู่เกาะกาลาปากอส หมู่เกาะฮาวาย เป็นเกาะที่อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ แต่ยังมีความหลากหลายทางชีวภาพมาก" นักวิชาการอิสระให้ข้อแนะนำ
นักวิชาการอิสระระบุด้วยว่า ป่าที่ฟื้นตัวยากที่สุดไม่ใช่ป่าที่ถูกเผาทำลาย หรือป่าที่ถูกไถจนเหี้ยนเตียน แต่เป็นป่าที่ถูกปลูกด้วยสิ่งมีชีวิตที่มีพันธุกรรม ชนิด และสังคมที่แปลกปลอมแตกต่างจากเดิม จนป่าธรรมชาติไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้