เรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดโดยใช้ทรัพยากรอย่างจำกัดจึงเป็นสิ่งจำเป็นในยุคนี้ เพราะจำนวนประชากรที่มากขึ้น สวนทางกับ ทรัพยากรที่ลดลงเรื่อยๆ การ ซึ่งดูเหมือน “อิสราเอล” ประเทศที่แห้งแล้งและเต็มไปด้วยทะเลทรายจะได้เปรียบใครในเรื่องนี้ เพราะเผชิญความท้าทายมาก่อนใคร ดังนั้น จึงไม่แปลกถ้าประเทศเกษตรกรรมอย่างไทยจะเริ่มเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ จากผู้มีประสบการณ์มาก่อน
เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งมีการจัดสัมมนาการให้ความรู้เรื่องการปรับปรุงมะเขือเทศในโรงเรือน ในหัวข้อ ‘The Thai-Israeli Tomato Conference: The current status and the way forward’ โดยความร่วมมือระหว่างสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (สท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กับสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เมื่อต้นเดือน พ.ย.60 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี
การสัมมนาดังกล่าวเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการปรับปรุงมะเขือเทศที่ปลูกในโรงเรือน ที่อิสราเอลได้ศึกษา พัฒนาและวิจัยมาประมาณ 9 ปีกว่าๆ ภายใต้แนวคิด “การปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตมาก ด้วยปัจจัยการผลิตที่น้อย” ซึ่งก่อนที่จะนำเทคโนโลยีการปลูกมะเขือเทศถ่ายทอดในครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากอิสราเอลได้นำเทคโนโลยีนี้ไปทดลองที่ประเทศกัมพูชาก่อนแล้ว เนื่องจากมีสภาพอากาศคล้ายประเทศไทย และทดลองมาแล้วเป็นเวลา 2 ปี
แรกเริ่มนั้นต้องคัดเลือกสายพันธุ์มะเขือเทศที่เหมาะสม โดยทางอิสราเอลได้คัดเลือกมะเขือเทศมา 11 สายพันธุ์ จากนั้นนำไปปลูกลงในดินที่มีส่วนผสมของกากมะพร้าวที่ผ่านการอบฆ่าเชื้อ เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจติดมากับกากมะพร้าว ดิน รวมทั้งกำจัดวัชพืช แล้วนำไปเข้าเครื่องเพื่อหยอดเมล็ด และรดน้ำลงบนถาดปลูก จากนั้นนำเข้าห้องอนุบาลต้นกล้าเป็นเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ เมื่อต้นกล้างอกออกมาจนสูงประมาณ 5 – 10 เซ็นติเมตรจึงนำไปปลูกต่อในโรงเรือน
ภายในโรงเรือนสำหรับปลูกต้นมะเขือเทศนั้นจะติดตั้งระบบน้ำหยดและระบบพ่นปุ๋ยแบบน้ำทางด้านบน ซึ่งบริเวณที่ตั้งถาดเพาะนั้นจะมีลักษณะตะแกรงยกสูง เพื่อให้รากได้ห้อยลงมาอย่างอิสระโดยไม่ใช้ดินเพื่อป้องกันรากเน่า เมื่อต้นสูงประมาณ 20 เซนติเมตรจะนำออกจากถาดเก่าแล้วนำใส่ถาดปลูกใบใหม่ที่ใหญ่กว่า
สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกมะเขือเทศลงดินหรือตัวกลาง ให้นำดินที่จะใช้ปลูกไปอบเพื่อฆ่าเชื้อ แต่สำหรับดินในบางพื้นที่อาจต้องเติมสารอาหารสำหรับพืชลงไปเพิ่มเติม เมื่อนำดินที่ผ่านการอบและใส่สารอาหารมากองเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู โดยเว้นระยะระหว่างกองดินไว้ จากนั้นวางสายส่งน้ำไว้บนกองดินและปิดคลุมด้วยพลาสติกที่เจาะรูเป็นวงกลม
จากการสอบถาม ดร.นีร์ อัตซ์มอน (Dr.Nir Atzmon) จาก บริษัท นิวโกรวแพลนท์ (New grow plant) ประเทศอิสราเอล ระบุว่าสาเหตุที่เลือกนำเทคโนโลยีที่เขาได้พัฒนาขึ้นมา ไปทดลองทำที่ประเทศกัมพูชานั้น เนื่องจากกัมพูชามีการปลูกมะเขือเทศในระดับครัวเรือน แต่ยังขาดองค์ความรู้ที่จะสามารถนำไปต่อยอดให้ได้ผลผลิตมะเขือเทศมากขึ้น เพื่อลดการนำเข้ามะเขือเทศจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งหลังจากที่ทดลองใช้เทคโนโลยีนี้ในการช่วยปลูกมะเขือเทศ ทำให้ประเทศกัมพูชาสามารถผลิตมะเขือเทศได้มากกว่าเดิมประมาณ 20 ตันต่อปี
ภายในการสัมมนาดังกล่าวนั้น นักวิจัยไทยคือ ดร.อรวรรณ ชัชวาลการพานิชย์ นักวิจัยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. ยังได้เผยแพร่องค์ความรู้ในการคัดกรองโรคในมะเขือเทศ โดยได้วิจัยเพื่อผลิตและพัฒนา "โมโนโคลนอลแอนติบอดี" สำหรับตรวจจับโรคที่เกิดในมะเขือเทศ
โมโนโคลนอลแอนติบอดีดังกล่าวมีศักยภาพในการผลิตแอนตีบอดีที่มีความจำเพาะต่อไวรัสและแบคทีเรียก่อโรค นอกจากนี้ทีมนักวิจัยไบโอเทคยังได้พัฒนาวิธีที่เรียกว่า Enzyme-linked Assay (ELISA) สำหรับตรวจสอบเชื้อสาเหตุของโรคพืชหลายชนิด เช่น โรคใบเหลืองจากไวรัสกลุ่มเจมินีไวรัส โรคยอดไหม้จากไวรัสกลุ่มทอสโพไวรัส
ทีมวิจัยยังพัฒนาต่อยอดเพื่อให้ได้วิธีตรวจวินิจฉัยที่สามารถตรวจโรคได้ในครั้งเดียว ในรูปแผ่นตรวจซึ่งมีการทำงานคล้ายที่ตรวจครรภ์ หากเชื้อโรคที่นำมาทดสอบนั้นจำเพาะต่อโมโนโคลนอลแอนติบอดี แผ่นตรวจจะแสดง “แถบสี" ที่ระบุถึงโรคนั้นขึ้นมาบนแถบกระดาษแผ่นตรวจ โดยชุดตรวจโรคแบบง่ายดังกล่าวนี้ สามารถใช้ตรวจเชื้อไวรัสและแบคทีเรียก่อโรคพืช 3 ชนิดใน 1 ชุดตรวจ
ทั้งนี้ มะเขือเทศเป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานกันมากที่สุดในโลก จากประโยชน์ที่มีอยู่มากมาย โดยอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก
มะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณ "วิตามินเอ" ที่ร่างกายต้องการถึง 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการต่อวัน และยังมีสารจำพวกไลโคปีน (Lycopene) แคโรทีนอยด์ เบตาแคโรทีน และกรดอะมิโน อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ขับปัสสาวะ รักษาความดัน นอกจากนี้ยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิด โดยในปี 2559 ประเทศไทยส่งออกมะเขือเทศคิดเป็นมูลค่า2.41 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ
ทว่าปัญหาสำคัญของการปลูกมะเขือเทศในประเทศไทยได้แก่ 1.โรคที่มีแมลงเข้ามาทำลายมาก เช่น โรคใบไม้ โรคผลเน่า 2.ข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศในบางพื้นที่ ต้องใช้ต้นทุนในการดูและรักษาสูง และ3.เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ได้ปฏิบัติตามกระบวนการผลิตที่ดีเหมาะสม