xs
xsm
sm
md
lg

7 องค์กรหลักใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศพัฒนาการเกษตรเชิงพื้นที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


7 องค์กรหลักใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศพัฒนาการเกษตรเชิงพื้นที่ ระบุหากกระบวนการด้านการเกษตรถูกพัฒนาให้เกิดศักยภาพและเหมาะสมกับบริบทของประเทศและท้องถิ่นแล้วจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ

เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ณ ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการบริหารจัดการเกษตรเชิงพื้นที่โดยใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศของ 7 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมชลประทาน (ชป.) กรมพัฒนาที่ดิน (พด.) กรมวิชาการเกษตร (วก.) กรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กรมการข้าว (กข.) และ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.)

นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การเกษตรเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ในปัจจุบันการบริหารจัดการด้านการเกษตรของประเทศไทยได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการเกษตรเชิงพื้นที่ยังไม่กว้างขวางนัก เนื่องจากขาดบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ซึ่งส่งผลให้กระบวนการเพาะปลูกและการผลิตยังคงมีต้นทุนสูงทำให้เกษตรกรผู้ผลิตมีรายได้ลดลง ขาดประสิทธิภาพในการวางแผนและดำเนินงาน รวมถึงความตระหนักในการใช้ทรัพยากรให้เกิดคุณค่าสูงสุด

"ดังนั้น หากกระบวนการด้านการเกษตรถูกพัฒนาให้เกิดศักยภาพและเหมาะสมกับบริบทของประเทศและท้องถิ่นแล้วจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ รวมถึงเกิดความยั่งยืนทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตลอดจนคุณภาพชีวิตของเกษตรกรจะถูกพัฒนาอย่างเหมาะสมตามกลไกของการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น"

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทยุคดิจิตอลในปัจจุบัน เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศซึ่งเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารจัดการด้านการเกษตร โดยการประยุกต์ใช้เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ วางแผน วิเคราะห์ ตลอดจนแก้ไขปัญหาการดำเนินงาน อีกทั้ง ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร นอกจากนี้ ยังเป็นการดำเนินการตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยี “ไทยแลนด์ 4.0” ซึ่งต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจไปสู่ Value Based Economy หรือ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยมีหลักการสำคัญคือเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิมในปัจจุบันไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ หรือ Smart Farming นั่นเอง ปลัด กษ. กล่าว

ทางด้าน รศ.นพ. สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพัฒนาการเกษตรของไทยให้มีประสิทธิภาพโดยนำเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ อาทิ การติดตามพื้นที่เพาะปลูกพืช การวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ภัยแล้ง หรือภัยพิบัติน้ำท่วม เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะนำข้อมูลจากเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาใช้แล้ว ยังร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพบุคลากรของหน่วยงานและจัดทำ Application ด้านการบริหารจัดการเกษตรเชิงพื้นที่และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

การลงนามครั้งนี้ ถือเป็นการลงนามครั้งที่ 2 ซึ่งเดิมได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการว่าด้วยการร่วมกันพัฒนาข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกข้าวของประเทศไทยจากภาพถ่ายดาวเทียม ของ 5 หน่วยงาน ได้แก่ ชป. กสก. สศก. กข. และ สทอภ. เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา และมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2560 ในการประชุมหารือร่วมกันระหว่าง สทอภ. และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นชอบให้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงฯ ฉบับใหม่โดยให้มีเนื้อหาการดำเนินงานและความร่วมมือที่กว้างขึ้นจากฉบับเดิม และให้เพิ่มหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วมอีก 2 หน่วยงาน ได้แก่ พด. และ วก. ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการบูรณาการและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างหน่วยงาน รวมถึงการร่วมกันนำเสนอข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกที่เป็นข้อมูลเดียวกัน

ปลัด วท. กล่าวเสริมอีกว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการขยายผลการดำเนินงานตามกรอบบันทึกความร่วมมือด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อบริหารจัดการเกษตรเชิงพื้นที่เพื่อนำไปสู่เกษตรอัจฉริยะ โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนการใช้ทรัพยากรด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างหน่วยงาน อีกทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายความร่วมมือเป็นพันธมิตรของ 7 หน่วยงานตลอดจนเชื่อมโยงเครือข่ายในการดำเนินการอย่างบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น