xs
xsm
sm
md
lg

สกว.ต่อยอด 2 งานวิจัย “โปรวิตามินเอ” ลดริ้วรอย “เครื่องดื่มเห็ดลม” ลดความดัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 ศ.ดร.ศุภศร วนิชเวชารุ่งเรือง
สกว.พร้อมต่อยอดขยายผลเชิงพาณิชย์ในโครงการส่งเสริมนวัตกรรมชีววิทยาศาสตร์ด้านการลงทุนจาก 2 งานวิจัย “นาโน โปรวิตามินเอ” ที่มีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยโดยไม่ก่อให้เกิดการแก้ และ “เครื่องดื่มเปปไทด์จากเห็ดลม” เพื่อลดความดันโลหิตสูง

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) นำ 2 ผลงานเสนอในโครงการ “การส่งเสริมนวัตกรรมชีววิทยาศาสตร์ด้านการลงทุน” ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย ที่มีศักยภาพในการต่อยอดเชิงพาณิชย์ และจับคู่ทางธุรกิจกับผู้ประกอบการ เมื่อวันที่ 26 พ.ค.60 ที่ผ่านมา โดยมี ดร.นเรศ ดำรงชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) เป็นประธานเปิดการนำเสนอผลงานวิจัย

ทั้งนี้ มีนักวิจัยร่วมนำเสนอผลงานรวมทั้งสิ้น 10 ผลงาน ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และ สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพไทย (ThaiBio)

สำหรับ 2 ผลงานวิจัยของ สกว.ได้แก่ “นาโนโปรวิตามินเอ” โดย ศ.ดร.ศุภศร วนิชเวชารุ่งเรือง คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะ ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากฝ่ายอุตสาหกรรม สกว. เพื่อตอบโจทย์ปัญหาการใช้กรดวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารต่อต้านริ้วรอยที่ดีที่สุด แต่การใช้งานมีปัญหาสองเรื่องคือ ก่อให้เกิดการแพ้ เช่น มีอาการคัน รอยดำ และการที่สารไม่เสถียรทางเคมี ทำให้ผลิตภัณฑ์มีอายุสั้น

คณะนักวิจัยจึงได้ออกแบบทางเคมีควบคู่กับการจัดตัวของสายพอลิเมอร์สร้างอนุภาคนาโนโปรวิตามินเอขึ้น อนุภาคที่ได้มีความเสถียรสูง และสามารถปลดปล่อยอนุพันธ์วิตามินเอออกมาได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง ทำให้สามารถแก้ปัญหาการแพ้ได้ เนื่องจากไม่มีช่วงความเข้มข้นสูงเกินไปหลังทา และแก้ปัญหาการสลายตัวได้ เพราะจะปลดปล่อยที่ค่าความเป็นกรดเบสของผิว

ผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นได้ผ่านการทดสอบการแพ้ครบถ้วนทั้งในสัตว์ทดลอง และการทดสอบสมบัติการต่อต้านริ้วรอยทั้งในระดับเซลล์สัตว์ทดลองโดยสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาสาสมัครโดยแพทย์ผิวหนัง ซึ่งพบว่าใน 12 สัปดาห์ การใช้งานที่ปริมาณเท่ากัน อนุภาคนาโนโปรวิตามินเอให้ผลลดริ้วรอยได้ดีกว่ากรดวิตามินเออย่างชัดเจน แต่ไม่ทำให้เกิดการแพ้

ผลงานวิจัยนี้สามารถนำไปประยุกต์เป็นเครื่องสำอาง และสามารถพัฒนาต่อเป็นยารักษาสิวได้ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังต้องการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระดับไมโครนีเดิล (microneedle) ซึ่งใช้เข็มขนาดเล็กมาก ๆ ส่งผ่านนาโน โปรวิตามินเอลงสู่ผิวหนังในระดับลึก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทันทีหลังการใช้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 1 ปี ก่อนขยายผลในระดับอุตสาหกรรมต่อไป

อีกหนึ่งผลงานคือ “เครื่องดื่มเปปไทด์สกัดจากเห็ดลม ที่มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตสูง ต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน” โดย ผศ. ดร.รักฤดี สารธิมา และคณะ จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากโครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม (พวอ.) สกว. ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งของการดูแลสุขภาพ โดยเครื่องดื่มนี้มีส่วนประกอบของผลิตผลจากธรรมชาติและมีประโยชน์สุขภาพ นอกจากเห็ดลมที่เป็นส่วนประกอบหลัก

ผลการวิจัยพบว่ามีเปปไทด์ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ “แองจิโอเทนซิน-1 คอนเวอร์ทิงเอนไซม์ (ACE-I) ที่จะมีผลควบคุมความดันโลหิตสูงให้ลดลงได้แล้ว ยังมีส่วนประกอบจากสารธรรมชาติอื่นๆ จากเห็ดชนิดนี้ เช่น สารพิลิฟีนอล และเบต้า-กลูแคน รวมถึงสรรพคุณทางยาอื่นๆ ได้แก่ ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง และฤทธิ์ต้านการอักเสบ

ผู้ประกอบการที่สนใจเข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดผลิตภัณฑ์ และร่วมลงทุนได้ที่ฝ่ายอุตสาหกรรม สกว. โทร. 0 2278 8243

ภาพเปรียบการใช้นาโนโปรวิตามินเอ
ผศ. ดร.รักฤดี สารธิมา
เห็ดลม
เครื่องดื่มจากเห็ดลม
กำลังโหลดความคิดเห็น