xs
xsm
sm
md
lg

ชู “เพนกวิน” สัญลักษณ์ปกป้องแอนตาร์กติกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

งานวิจัยพบว่าเพนกวินทั่วโลก 18 สปีชีส์ลดจำนวนลงถึง 2 ใน 3 (John B. WELLER / THE PEW CHARITABLE TRUSTS / AFP)
เพราะเป็นสัตว์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปของทวีปแอนตาร์กติกาที่อยู่ทางขั้วโลกใต้ นักวิทยาศาสตร์จึงใช้โอกาสใน “วันเพนกวินโลก” ที่ 25 เม.ย.ชูให้นกทะเลตัวกลมเป็นสัญลักษณ์ในการปกป้องดินแดนที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศก่อนส่วนอื่นๆ ของโลก

คริสเตียน ไรส์ (Christian Reiss) นักชีววิทยาประมงแนตาร์กติกา ประจำองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศสหรัฐฯ (National Oceanic and Atmospheric Administration) หรือโนอา (NOAA) บอกเอเอฟพีว่า เพนกวินเป็นตัวแทนชั้นเยี่ยมที่จะสร้างความเข้าใจถึงความจำเป็นที่ที่ต้องอนุรักษ์แหล่งทรัพยากรในมหาสมุทรทางซีกโลกใต้

นกทะเลตัวอุ้ยอ้ายที่บินไม่ได้และเป็นขวัญใจเด็กๆ ในความซุ่มซ่ามนี้ เป็นเสมือนไม้บรรทัดที่นักวิทยาศาสตร์จะใช้ประเมินสุขภาพแหล่งที่อยู่ของเพนกวินทั้งหลาย และนักวิทยาศาสตร์ได้อาศัย “วันเพนกวินโลก” (World Penguin Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 25 เม.ย.ประกาศว่าโลกจำเป็นต้องทำอะไรมากกว่านี้เพื่อปกป้องธรรมชาติของแอนตาร์กติกาและสัตว์ในพื้นที่

“เพนกวินเป็นสปีชีส์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศแอนตาร์กติกามาก และชะตากรรมของประชากรพวกมันก็จะขึ้นอยู่กับการจัดการระบบนิเวศที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงความเข้าใจต่อบทบาทของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและมนุษย์” ไรส์กล่าว

จากการศึกษาขององค์กรการกุศลพิว (Pew Charitable Trusts) เมื่อปี 2015 เผยว่า 2 ใน 3 ของเพนกวิน 18 สปีชีส์ทั่วโลกลดจำนวนลง ซึ่งเพนกวินเหล่านั้นอาศัยอยู่ในพื้นที่ครอบคลุมตั้งแต่หมู่เกาะกาลาปากอสบริเวณเส้นศูนย์สูตรไปจนถึงทะเลที่หนาวเย็นจนเป็นน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพนกวินในแอนตาร์กติกาที่ค่อนข้างได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งการละลายของน้ำแข็งนั้นลดพื้นที่อยุ่อาศัย ขณะเดียวกันทะเลที่อุ่นขึ้นก็ส่งผลกระทต่อเหยื่อที่เป็นอาหารของเพนกวิน

อ้างตามข้อมูลจากบัญชีแดงรายชื่อสปีชีส์ที่ถูกคุกคามของสหพันธ์เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติสากล (International Union for Conservation of Nature) เอเอฟพีระบุว่า มีเพนกวินเพียง 2 สปีชีส์ คือ เพนกวินอาเดลี (Adelie) และเพนกวินคิง (King) ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เพนกวินใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในทะเล แต่จะกลับขึ้นสู่ฝั่งเพื่อผสมพันธุ์และสลัดขนเท่านั้น ทำให้เพนกวินเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการตรวจสุขภาพของทะเล ซึ่งนักวิจัยเข้าถึงได้ง่าย และนักวิจัยยังสามารถพัฒนายุทธศาสตร์ในการอนุรักษ์มหาสมุทรที่จับต้องได้และได้ผลจริง

คาสซานดรา บรูคส์ (Cassandra Brooks) นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) ในสหรัฐฯ ผู้เชี่ยวชาญแอนตาร์กติกา กล่าวว่า ประชากรเพนกวินในทวีปที่หนาวเย็นนั้น มีทั้งที่เพิ่มจำนวนคือเพนกวินอาเดลีในทะเลรอส (Ross Sea) และมีทั้งที่ลดจำนวนลงคือเพนกวินชินสแทปรส์ (Chinstraps) ในบริเวณคาบสมุทรแอนตาร์กติกา (Antarctic Peninsula)

“ในระยะสั้นเรารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้นส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงต่อสภาพแวดล้อมของแอนตาร์กติกา และนั่นทำให้สัตว์ในระบบนิเวศของมหสมุทรทางตอนใต้ลำบากที่จะปรับตัว นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อไขความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและประชากรเพนกวิน” บรูคส์กล่าว

ทั้งนี้ องค์กรอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งมีชีวิตทางทะเลแอนตาร์กติกา (Conservation of Antarctic Marine Living Resources: CCAMLR) ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นานาชาติที่มีภารกิจอนุรักษ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการใช้ประโยชน์มหาสมุทรแอนตาร์กติกาอย่างยั่งยืน ได้มีข้อตกลงเมื่อปีที่ผ่านมา ที่ต้องการให้เกิดการพื้นที่อนุรักษ์บริเวณทะเลรอสโดยการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และนิวซีแลนด์

ทะเลรอสเป็นหนึ่งในระบบนิเวศทางทะเลแห่งสุดท้ายของโลกที่เป็นถินอาศัยของเพนกวิน แมวน้ำ ปลาฟันแอนตาร์กติกา วาฬ และกริลล์จำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นอาหารหลักของสิ่งมีชีวิตหลายสปีชีส์ ซึ่งมีความสำคัญสำหรับนักวิทยาศาสตร์ในการศึกษาว่าระบบนิเวศดังกล่าวมีบทบาทอย่างไร และเพื่อเข้าใจถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่อมหาสมุทร

นอกจากนี้ยังมีอีก 2 การเจรจาเพื่อปกป้องแอนตาร์กติกาในฝั่งตะวันออกที่ยังไม่บรรลุข้อตกลง นั่นคือความร่วมมือระหว่างออสเตรเลียและฝรั่งเศสที่จะปกป้องเขตอนุรักษ์สัตว์ในแอนตาร์กติกาตะวันออก กับแผนของเยอรมนีที่จะปกป้องบริเวณทะเลเวดเดลล์ (Weddell Sea)

สำหรับแผนในการปกป้องเขตอนุรักษ์ของแอนตาร์กติกาตะวันออกนั้นครอบคุลมพื้นที่ 1 ล้านตารางกิโลเมตร ส่วนแผนการปกป้องทะเลเวดเดลล์นั้นจะครอบคลุมบริเวณทางตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาใต้รวมเป็นพื้นที่ 2.8 ล้านตารางกิโลเมตร

บรูคส์กล่าวว่า เครือข่ายพื้นที่ทางทะเลในมหาสมุทรทางตอนใต้ที่ได้รับการปกป้อง ซึ่งรวมถึงพื้นที่ห้ามครอบครองในบริเวณที่ความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของเพนกวิน อาจจะช่วยรับประกันให้เพนกวินอยู่รอดต่อไปได้ในนาคตที่ไม่มีความแน่นอน

ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค.องค์กรอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งมีชีวิตทางทะเลแอนตาร์กติกา จะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองโฮบาร์ต รัฐแทสเมเนีย ออสเตรเลีย
เพนกวินในแอนตาร์กาติกากำลังกระโดดลงทะเล (TOPSHOTS - ANTARCTICA - AUSTRALIA - ENVIRONMENT - CONSERVATION - PENGUINS )
เพนกวินในทะเลที่แอนตาร์กติกา (John B. WELLER / THE PEW CHARITABLE TRUSTS / AFP)
เพนกวินในแอนตาร์กติกา (John B. WELLER / THE PEW CHARITABLE TRUSTS / AFP)






กำลังโหลดความคิดเห็น