คนพ.ไฟเขียวกระทรวงวิทย์ลุยสร้างเมืองนวัตกรรม 2 แห่งที่ระยอง – ชลบุรี
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยหลังจากเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (คนพ.) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ณ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เมื่อวันที่ 5 เม.ย.60 ว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีวาระสำคัญที่นำเสนอในที่ประชุมคราวนี้ คือ ความคืบหน้าของการดำเนินการจัดตั้งเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซีไอ ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในแผนการพัฒนาอีอีซี
ทั้งนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจากทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาอีอีซีไอให้มีระบบนิเวศนวัตกรรมที่สมบูรณ์ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่มีความเข้มข้นของงานวิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนเป็นเขตผ่อนปรนกฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก
ดร.อรรชกากล่าวว่า มติจากที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้จัดสร้างอีอีซีไอบนพื้นที่ 2 แห่งที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ นำเสนอ ได้แก่ วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง เนื้อที่ 3,000 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ปตท. เพื่อให้เป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมเป้าหมาย 2 ส่วน คือ แอริโพลิส (ARIPOLIS) ศูนย์กลางระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ และ ไบโอโพลิส (BIOPOLIS) ศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวภาพ แห่งที่สองคือ พื้นที่อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) หรือจิสด้า ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เนื้อที่ 120 ไร่ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ โดยหลังจากนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะเร่งหารือในรายละเอียดถึงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ร่วมกับทาง ปตท. ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบโครงการ “ย่านนวัตกรรมแนวระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก”ของอีอีซีไอ ใน 4 พื้นที่ คือ พัทยา ศรีราชา บางแสน และอู่ตะเภา เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้น วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ให้สามารถนำนวัตกรรมไปใช้เพิ่มมูลค่าการผลิตของตนได้
ดร.อรรชกา กล่าวต่อว่า นอกจากการประชุมดังกล่าวแล้ว ในวันเดียวกันนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ยังได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนการพัฒนาอีอีซีไอกับ 50 หน่วยงาน ซึ่งมีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ที่พร้อมเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมของอาเซียนในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรม ชุมชน และหน่วยงานต่าง ๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อนำไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 อย่างสมบูรณ์ที่สุด