นวัตกรรมการกักเก็บน้ำเลียนแบบธรรมชาติ "สับปะรดสี" ผลงาน 3 นักเรียนไยนไทยจากสุราษฎร์คว้ารางวัลชนะเลิศเวทีประกวดนวัตกรรมด้านน้ำที่สวีเดนเป็นครั้งแรกสำหรัประเทศไทย มาทำความรู้จักนวัตกรรมนี้ให้มากขึ้น
“นวัตกรรมการกักเก็บน้ำเลียนแบบธรรมชาติ สับปะรดสี” (Natural Innovative Water Retention Mimicry Bromeliad (Aechmea aculeatosepala) ผลงานของ น.ส.สุรีย์พร ตรีเพชรประภา น.ส.ธิดารัตน์ เพียร และน.ส.กาญจนา คมกล้า จากโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา ซึ่งมีนางสุวารี พงศ์ธีระวรรณ และ นายเฉลิมพร พงศ์ธีระวรรณ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา คว้ารางวัลชนะเลิศจากการเข้าร่วมประกวดStockholm Junior Water Prize ที่เมืองสต็อกโฮม ประเทศสวีเดน ระหว่างวันที่ 27ส.ค. -1 ก.ย.59
ทั้งนี้ ข้อมูลเผยแพร่จากสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ระบุว่า ผลงานวิจัย “นวัตกรรมการกักเก็บน้ำโดยเลียนแบบสับปะรดสี” เป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ซึ่งสังเกตจากรูปทรงของสับปะรดสีที่สามารถกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีมผู้วิจัยได้เลือกสับปะรดสีพันธุ์ เอคมี อะคูลีโทเซพาลา (Aechmea aculeatosepala) เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่เก็บกักน้ำได้ดี
จากการศึกษาลักษณะทางกายภาพของต้นสับประรดสีพันธุ์ดังกล่าว พบว่า ส่วนดักจับน้ำที่สำคัญมีหลายส่วน ได้แก่ แผ่นใบ ที่มีขอบใบทั้งสองข้างบางกว่าบริเวณกลางใบทำให้แผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปตัวยูเหมือนรางน้ำ น้ำไหลไปกักเก็บที่แอ่งระหว่างกาบใบ หนามเล็กๆ บริเวณรอบใบ บิดเป็นมุม 50 องศากับขอบใบ ช่วยดึงน้ำที่อยู่ห่างจากขอบใบในระยะ 2 มิลลิเมตร ให้เข้ามาในใบได้ ผิวใบด้านหน้าใบและหลังใบช่วยให้น้ำไหลลงไปรวมกันที่รางรับน้ำ เนื่องจากแรงยึดติด (Adhesive force) ระหว่างน้ำกับผิวใบมากกว่าแรงเชื่อมแน่น (Cohesive force) ของน้ำ
นอกจากนี้ ส่วนกักเก็บน้ำของสับปะรดสี เอคมี อะคูลีโทเซพาลา เกิดจากใบเรียงเหลื่อมซ้อนกัน กาบใบด้านล่างจะกว้างออก ขอบใบบาง มีลักษณะเป็นแอ่งกักเก็บน้ำทรงกรวยตรงกลางลำต้น และระหว่างซอกใบทุกใบก็สามารถเก็บน้ำได้ ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำได้มากกว่าภาชนะทรงกรวยที่มีขนาดเท่ากันถึง 17.28%
จากข้อมูลที่ได้จากการศึกษาการกักเก็บน้ำของสับปะรดสีพันธุ์ เอคมี อะคูลีโทเซพาลา และจากการสังเกตพบว่าในเวลากลางคืนจะมีหยดน้ำเกาะตามแผ่นสังกะสีเคลือบอะลูมิเนียมมุมหลังคาบ้าน จึงได้นำมาเป็นต้นแบบสร้างอุปกรณ์ในการกักเก็บน้ำเลียนแบบสับปะรดสี โดยประดิษฐ์จากแผ่นอะลูมิเนียม เนื่องจากแผ่นอะลูมิเนียมมีความจุความร้อนน้อย ในช่วงเวลากลางคืนเมื่อไอน้ำในอากาศมากระทบจึงกลั่นตัวเป็นหยดน้ำได้ง่าย
เมื่อนำชุดอุปกรณ์นี้ไปใช้จริง โดยติดตั้งบนต้นยางพาราซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทย ต่อสายน้ำเกลือปักลงในดินห่างจากโคนต้น 1 เมตร พบว่า ความชื้นในดินที่ใช้ชุดอุปกรณ์จะมีค่าสูงกว่าความชื้นในดินที่ไม่ใช้ชุดอุปกรณ์ และไม่รดน้ำ 17.65 % และมีความชื้นในดินใกล้เคียงกับการรดน้ำตามปกติ ซึ่งน้อยกว่ารดน้ำปกติ 9.80 % นอกจากนี้ ต้นยางพาราที่ใช้ชุดอุปกรณ์สามารถให้ผลผลิตสูงกว่าไม่ได้ใช้ชุดอุปกรณ์ 57.50 % ด้วยราคาต้นทุนชุดละ 25 บาท เมื่อนำไปใช้กับต้นยางพาราเพียง 6 วันจะคุ้มราคาทุน
กลุ่มนักเรียนผู้พัฒนานวัตกรรม กล่าวว่า สาเหตุที่ทำงานวิจัยเรื่องนี้ เนื่องจากต้องการหาแนวทางในการช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะในการเกษตร เพราะโมเดลนี้สามารถช่วยเหลือให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชได้แม้สภาวะแห้งแล้ง และจะปรับปรุงพัฒนางานให้ดีขึ้น สามารถกักเก็บน้ำให้ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะได้ผลงานที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวาง และนำไปเผยแพร่สู่ชุมชน ให้ชาวบ้านได้ใช้โมเดลกักเก็บน้ำนี้เพื่อทำให้ดินมีความชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น
ด้าน ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ระบุว่า ผลงานดังกล่าว ได้รับคัดเลือกไปประกวดที่สีเดน หลังชนะเลิศการประกวดผลงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ที่แสดงถึงนวัตกรรมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำของเยาวชนที่กำลังศึกษาในระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศประจำปี 2559
ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่เยาวชนคว้ารางวัลชนะเลิศ จากเวที Stockholm Junior Water Prize ที่เมืองสต็อกโฮม ประเทศสวีเดน และได้รับเกียรติจากเจ้าฟ้าชายคาร์ล ฟิลิป แห่งสวีเดน เป็นผู้ประทานรางวัลในงานดังกล่าว และคณะนักเรียนจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันศุกร์ที่ 2ก.น.59 เวลา 05.50 น. ด้วยเที่ยวบิน TG961