ส่องมหกรรมประกวดไอทีแห่งประเทศไทย ปี '59 ชม 4 เทคโนโลยีสุดเจ๋งฝีมือนักเรียนนักศึกษาเพื่อผู้สูงอายุปลอดภัย "ระบบติดตามการเคลื่อนไหวด้วยเทคนิคเหมืองข้อมูล-ระบบตรวจจับการล้มในบ้าน-เกมกายภาพบำบัดข้อเข่า-ระบบเฝ้าระวังผู้สูงอายุ"
ในงานมหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2559 งานรวมสุดยอดผลงานที่พัฒนาจากความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของเยาวชนไทย ที่ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 ณ หอประชุมมหิศร อาคาร SCB Park ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ๋
ภายในงานประกอบด้วย การประกวดโครงงานของนักวิจัยรุ่นเยาว์ (YSC) กว่า 41 โครงการ, การประกวดวงจรอิเล็กทรอนิกส์รุ่นเยาว์ (YECC) 28 โครงการ และการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย (NSC) 130 ผลงาน ในจำนวนนี้มีผลงานเพื่อช่วยเหลือคนพิการและผู้สูงอายุที่น่าสนใจ
เทคโนโลยีแรกที่นำมาเสนอเป็นการดูแลผู้สูงอายุในรูปแบบการฟื้นฟูด้วยเกมส์ ซึ่งงานวิจัยนี้มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ได้พัฒนาขึ้น ศิริวรรณ์ สืบเสน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่า เทคโนโลยีของเธอเป็นการมุ่งฟื้นฟูสมรรถภาพเข่าของผู้สูงอายุแบบเล่นจริง ใช้จริง ฟื้นฟูจริงผ่านเกมส์ยิงนก "flex bird" ที่จะให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการเล่นเกมส์นั้นจริงๆ โดยจะใช้ "flex sensor" ที่เป็นวัสดุเซนเซอร์ที่มีความยืดหยุ่นสามารถโค้งงอไปตามรูปสรีระได้ ติดไปกับข้อเข่าด้วยแผ่นผ้ายืด และให้ผู้สูงอายุเล่นเกมส์ที่จะต้องมีการเคลื่อนไหวให้ผ่านด่านหรือได้แต้มตามต้องการ ซึ่งท่าทางการเคลื่อนไหวแต่ละท่าถูกต้องตามหลักท่ากายภาพบำบัดทุกประการ นอกจากนี้หลังการเล่นเกมส์แต่ละครั้งนักกายภาพบำบัดยังสามารถนำข้อมูลการเคลื่อนไหวของผู้สูงอายุไปใช้วางแผนการรักษาต่อได้ด้วย
เทคโนโลยีต่อมา เป็นระบบตรวจจับการล้มสำหรับผู้สูงอายุภายในบ้าน จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่ง สิริพร ปัทมเศรษฐ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ เผยว่าระบบตรวจจับที่เธอพัฒนาขึ้น ใช้หลักการวิเคราะห์สองจุดร่วมกันแบบเปอร์สเปกทีฟ (perspective) โดยเธอจะติดตั้งกล้องชนิดไอพี ในบริเวณบ้าน 2 ตัว ให้การจับภาพเป็นแบบสามมิติเสมือนดวงตา เพื่อจับภาพผู้สูงอายุที่ต้องการดูแลซึ่งสวมใส่เสื้อผ้าที่มีการระบุจุดสีแดง เพราะกล้องจะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวด้วยการตรวจจับสีแดงเป็นหลัก
การตรวจจับนี้จะสามารถแจ้งเตือน หากผู้สูงอายุมีอาการเซจะล้ม เพราะสัญญาณที่ได้จากการจับภาพจะวิเคราะห์ความแตกต่างของความเร็วการเคลื่อนไหวและความเบนจากแกนกลางลำตัว โดยจะส่งคำแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลทันทีในรูปแบบอีเมล์ ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียได้หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
เทคโนโลยีที่ 3 เป็นระบบติดตามการเคลื่อนไหวสำหรับการดูแลผู้สูงอายุโดยใช้เทคนิคการทำเหมืองกระแสข้อมูลโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่เป็นระบบเฝ้าระวังและติดตามการเคลื่อนไหวของผู้สูงอายุระยะไกล ซึ่งนายกิตติศักดิ์ บัวบก นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยว่า การทำงานของระบบจะประกอบด้วยอุปกรณ์ 2 ชิ้น คือ สมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอชท์ ที่จะเป็นตัวรับข้อมูลการสั่นไหวหรือเคลื่อนไหวของร่างกาย ด้วยการทำงานของเซนเซอร์แอคเซเลอโรมิเตอร์ (Accelerometer)
ค่าที่ได้จะส่งไปที่ระบบ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยกิจกรรมประจำวัน เช่น การอยู่นิ่ง, การนอน, การนั่ง, การเดิน ว่าแต่ละกิจกรรมอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ เพื่อให้แพทย์ประเมินและเฝ้าระวังอาการของผู้ป่วยได้แม้ไม่ได้ไปโรงพยาบาล โดยระบบจะแสดงข้อมูลในรูปแบบที่แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ง่าย และแพทย์ก็สามารถส่งคำแนะนำกลับมายังญาติหรือตัวผู้ป่วยได้ทันที
ระบบดังกล่าวพัฒนามาจากโจทย์วิจัยของแพทย์ จากโรงพยาบาลศิริราชที่เห็นว่าแนวโน้มการรักษาพยาบาลในยุคดิจิทัลกำลังมาแรง โดยปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นพัฒนาเพิ่มเติมและเตรียมนำไปทดสอบกับแพทย์และผู้สูงอายุกลุ่มที่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ของโรงพยาบาลศิริราช
ส่วนเทคโนโลยีสุดท้ายเป็น ระบบเฝ้าระวังผู้สูงอายุ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ที่นพคุณ วชิรอังศนา นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระบุว่า เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นด้วยหลัก 3 ประการ ได้แก่ การระบุตำแหน่งผู้สูงอายุที่อยู่บ้านลำพังด้วยสมาร์ทโฟนที่ติดตัวผู้สูงอายุ ด้วยการวัดความแรงของสัญญาณไวไฟที่ส่งออกจากเราเตอร์ 3 ตัวด้วยหลักการสามเหลี่ยม (Trilateration) ที่สามารถระบุตำแหน่งของสมาร์ทโฟนที่ติดตัวผู้สูงอายุ เพราะการระบุตำแหน่งภายในอาคารระบบจีพีเอสไม่สามารถทำงานได้, การวิเคราะห์และเรียนรู้ข้อมูลตำแหน่งต่างๆเพื่อหารูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ ด้วยเทคนิคการขุดค้นเหมือนข้อมูลผ่านซอฟแวร์ WEKA และการแจ้งเตือนญาติของผู้สูงอายุผ่านสมาร์ทโฟนเมื่อตำแหน่งของผู้สูงอายุเปลี่ยนไปแบบผิดปกติจากชีวิตประจำวันผ่านบริการการรับส่งข้อความในระบบคลาวด์ของกูเกิล (google cloud messaging)
ทั้งนี้งานมหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 15 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 มี.ค. 2559 ณ หอประชุมมหิศร อาคารเอสซีบีพาร์ค ธนาคารไทยพาณิชย์ กทม. ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย