นักวิจัย สกว.ในโครงการศึกษาอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กกระตุ้นดูแลและปรับปรุงอาคารเก่าที่สร้างก่อนกฎหมายปี '50 ให้มีระบบควบคุมเพลิง หลังไฟไหม้ ซ.นราธิวาส 18 จนเกิดเหตุสลด แต่วิศกรตรวจสอบแล้วยังไม่พบการเสียหายเชิงโครงสร้าง
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้อาคาร 10 ชั้น ใน ซ.นราธิวาส 18 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตนั้น ล่าสุดช่วงบ่ายวันที่ 7 ก.พ.59 ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นักวิจัยโครงการพฤติกรรมและการวิบัติขององค์อาคารคอนกรีตเสริมเหล็กฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.). ในฐานะเลขาธิการสภาวิศวกร พร้อมด้วยนายวสวัตติ์ กฤษศิริธีรภาคย์ นายกสมาคมผู้ตรวจสอบและบริหารความปลอดภัยอาคาร (ตปอ.) และคณะ ลงพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบในเบื้องต้นถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ระบบความปลอดภัยและความมั่นคงของโครงสร้างอาคาร
ศ.ดร.อมรกล่าวว่า จากการตรวจสอบด้วยสายตาในเบื้องต้น มุ่งเน้นที่ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นที่เสียหายหนักและมีผู้เสียชีวิต พบว่าตัวอาคารโดยรวมยังไม่เสียหายรุนแรง ไม่กระทบเชิงโครงสร้างมากนัก ส่วนพื้นมีการกะเทาะหลุดร่อนบางส่วนประมาณร้อยละ 5 สามารถซ่อมแซมทำใหม่ได้ ขณะที่เหล็กเสริมยังตรงไม่บิดงอจนเสียรูป เชื่อว่ายังคงรับน้ำหนักโครงสร้างอาคารได้ และเสาบางส่วนมีรอยร้าวจากความร้อน เช่นเดียวกับบันไดหลักที่โครงสร้างเสียหายเนื่องจากเปลวเพลิง ในภาพรวมอาคารนี้ยังมีความมั่นคงแข็งแรงอยู่
“อาคารเก่าในบ้านเรามีอยู่จำนวนมากและก่อสร้างก่อนจะมีการบังคับใช้กฎหมายปี 2550 ดังนั้นเจ้าของอาคารจะต้องมีจิตสำนึกในการแก้ไขปรับปรุงอาคารให้ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย รวมถึงต้องมีระบบป้องกันอัคคีภัยด้วย ทั้งนี้จะต้องสังคายนากันใหม่ โดยเพิ่มการกวดขันให้มากขึ้น ให้ความรู้ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนเพื่อกระตุ้นจิตสำนึก มิฉะนั้นก็จะยังมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก” ศ.ดร.อมรกล่าว
ด้าน ด้าน ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) กล่าวว่า ความเสียหายในครั้งนี้ประเมินได้ 3 ระดับคือ 1.คานที่ชั้น 7 มีรอยร้าวเสียหายชัดเจนไม่สามารถใช้งานได้ 2. เฝ้าระวังชั้น 3 ถึงชั้น 7 ควรได้รับการสอบเป็นพิเศษ เพราะไฟได้ลุกลามตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไป และ 3. เสียหายเล็กน้อยคือชั้น 1-2 ทั้งนี้ระบบป้องกันอัคคีภัยที่กฎหมายบังคับให้ใช้กับอาคารสูง 23 เมตรขึ้นไป ซึ่ง วสท.ได้จัดอบรมให้ความรู้มาโดยตลอด
"ขอยืนยันว่ากฎหมายควบคุมอาคารและอุปกรณ์ประกอบมีความทันสมัยไม่แพ้ระดับสากล แต่เจ้าของอาคารเองอาจให้ความสนใจน้อยไป จึงขอความร่วมมือให้เข้าร่วมอบรมซักซ้อมเป็นระยะ ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อแนะนำเพื่อความปลอดภัย"