xs
xsm
sm
md
lg

ตะลุยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ท่องงาน "วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เด็กนักเรียนนับพันคน เข้าชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เนื่องในวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ท่องงานสัปดาห์วิทย์ '58 น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "พระบิดาวิทยาศาสตร์ไทย" เนื่องในวันวิทยาศาสตร์ไทย

เวียนมาอีกครั้งสำหรับ "วันวิทยาศาสตร์ไทย" ซึ่งตรงกับวันที่ 18 ส.ค. ของทุกๆ ปี ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตรจึงเก็บภาพบรรยากาศของงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์มาให้ชม แต่เราขอพาทุกคนย้อนประวัติความเป็นมาของ "วันวิทยาศาสตร์ไทย" ว่ามีความเป็นมาเป็นอย่างไร

ข้อมูลจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระบุว่า เมื่อปี พ.ศ. 2409 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ได้ทรงคำนวณและพยากรณ์ว่า ปีมะโรง พ.ศ. 2411 วันอังคารขึ้น 1 ค่ำ เดือน 10 ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคามืดหมดดวง ที่จะเห็นได้ชัดที่ ต.หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งทรงพยากรณ์ล่วงหน้าถึง 2 ปี โดยไม่มีหลักฐานการคำนวณจากประเทศตะวันตก และเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 อันเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ดาราศาสตร์ไทย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนบรรดาผู้มาเข้าเฝ้าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ต่างเฝ้ารอคำพยากรณ์จากการคำนวณทางดาราศาสตร์

ในตอนแรกไม่มีผู้ใดเห็นสุริยุปราคาตอนเริ่มจับ พระองค์ทรงพยากรณ์ไว้ คลาสเริ่มจับเวลา 10.04 น. รอจนถึง 10.16 น. คลาสเริ่มจับมากขึ้นทุกที ท้องฟ้าที่สว่างเริ่มมืดสลัวลง จนถึงเวลา 11.20 น. ท้องฟ้ามืดลงจนมองเห็นดวงดาว คลาสจับเต็มดวงเมื่อเวลา 11.36 น. 20 วินาที กินเวลานานถึง 6 นาที 45 วินาที ท้องฟ้ามืดจนเป็นเวลากลางคืน นับเป็นสุริยุปราคาเต็มดวงตรงตามเวลาที่พระองค์ทรงคำนวณพยากรณ์ไว้ทุกประการ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำประเทศไทยเข้าสู่ยุคของวิทยาศาสตร์มาแต่บัดนั้น

การเสด็จพระราชดำเนินเพื่อพิสูจน์การเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งนั้น ถือเป็นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่และครั้งแรกของประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยพระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นผู้คำนวณด้วยพระองค์เองต่อหน้าคณะนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสและแขกเมืองชาวต่างประเทศ คณะรัฐมนตรีในสมัยนั้น จึงได้มีมติเมื่อวันที่ 14 เม.ย.2525 เทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” และกำหนดให้วันที่ 18 ส.ค. ของทุกปี เป็น “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งในช่วงสัปดาห์นี้ของทุกปีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ จะร่วมจัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อให้เยาวชนได้รับความรู้และเกิดความเข้าใจในวิทยาศาสตร์

สำหรับปี 2558 กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้กำหนดจัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ขึ้นทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 11-23 ส.ค. ซึ่งในโอกาสนี้ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้ลงพื้นที่ไปยังองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) คลอง 5 จ.ปทุมธานี สถานที่จัดงานหลักในส่วนกลางเพื่อเก็บภาพบรรยากาศงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ประจำปี 2558 มาฝาก

ภายในตึกพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ หรือ ตึกลูกเต๋า ที่ทุกคนรู้จักดีในวันวิทยาศาสตร์นี้นิทรรศการด้านในยังคงเดิม ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบิดาวิทยาศาสตร์ไทย, นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และส่วนของเล่นภูมิปัญญาที่จะตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของตึกลูกเต๋า ซึ่งในวันนี้นอกจากเด็กนักเรียนทุกคนจะได้เข้าชมฟรีตามปกติแล้ว ครู และประชาชนที่สนใจทั่วไปยังได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วย ทำให้วันนี้ตึกลูกเต๋าที่กว้างใหญ่แคบลงไปถนัดตา เพราะเด็กนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ได้มาเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากทำให้บรรยากาศวันนี้ค่อนข้างคึกคักวุ่นวายพอสมควร

นิทรรศการแรกเป็นส่วนของ "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" ที่เป็นการนำเสนอวิทยาสมัยใหม่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือเมื่อปี พ.ศ.2347 ที่ทรงเปิดรับวิทยาศาสตร์จากฝั่งตะวันตกและตะวันออกมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศจนทำให้สยามรอดพ้นจากการสูญเสียเอกราช โดยพระองค์ได้ทรงแลกเปลี่ยนกับนักวิทยาศาสตร์มากมายทั้งหมอบลัดเลย์ (Dan Beach Bradld) นายแพทย์และมิชชันนารีชาวอเมริกันผู้นำแห่งการแพทย์สมัยใหม่ และผู้บุกเบิกวงการพิมพ์ของไทย, เมอซิเยอร์มูโอต์ (M.Henri Mouhot) นักธรรมชาติวิทยาและนักสำรวจชาวฝรั่งเศส

รวมถึง หลุย ดาแกร์ (Louis Daguerre) นักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศสผู้คิดค้นการถ่ายภาพด้วยกล้อง "ออบสคูรา" (Obscura) เมื่อปี พ.ศ.2382 ในกรุงปารีส ที่ทำให้เกิดภาพบนแผ่นโลหะได้หลังจากนำไปผ่านกระบวนการทางเคมีที่ซับซ้อน โดยกระบวนการถ่สยภาพนี้ถูกเรียกว่า "ดาร์แกโรไทป์" ที่ในภายหลังได้เริ่มแพร่หลายไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ได้มีพระบรมราชานุญาตให้ถ่ายภาพของพระองค์ และพระราชพิธีสำคัญต่างๆ พร้อมด้วยอิริยาบถต่างๆของข้าราชบริพารในพระราชวังด้วย

ส่วนต่อมาเป็นนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนพระหฤทัยและให้การสนับสนุนวงการวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด โดยเฉพาะด้านความหลากหลายทางชีวภาพของไทย ที่ทรงจัดสร้างธนาคารพืชพรรณ เพื่อเก็บรักษาพันธุกรรมพืช อันเป็นตัวอย่างหนึ่งในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (อพ.สธ.) ตั้งแต่ปี 2536 จนทำให้ในปัจจุบันมีโครงการวิจัยในพระราชดำริของพระองค์มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน

หนึ่งในนั้นคือ การสำรวจของ ดร.วียะวัฒน์ ใจตรง เมื่อปี 2546 ที่ได้ค้นพบมดชนิดใหม่ของประเทศไทยซึ่งในภายหลังได้ตั้งชื่อว่า "มดต้นไม้สิรินธร" เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ในฐานะเป็นองค์อุปถัมภ์โครงการฯ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้วให้แก่นักเรียนและบุคคลทั่วไปได้เห็นของจริงอีกด้วย

นิทรรศการถัดมาที่เป็นไฮไลท์อีกส่วนคือ นิทรรศการเล่น เรียน รู้ในของเล่นไทย นิทรรศการที่รวบรวมเอาของเล่นภูมิปัญญาไทยทั้งหมดมารวมกันไว้ในที่เดียวกันที่จะทำให้เด็กๆ ได้รู้จักการวิเคราะห์วิทยาศาสตร์ที่แฝงอยู่ในของเล่น ทั้งของที่เกี่ยวกับความเฉื่อย เช่น กังหันหมุน ที่เชือกกับแกนไม้ซึ่งพันกันอยู่จะทำให้ใบพัดค่อยๆ หมุนไปอย่างช้าๆ, ของเล่นเกี่ยวกับสมดุล เล่น นกไม้ไผ่ แมลงปอไม้ไผ่ ที่ถูกออกแบบให้มีจุดหมุนเพื่อสร้างความสมดุลให้กับของเล่น, ของเล่นที่เคลื่อนที่โดยใช้ล้อ เช่น วัวไม้ ควายไม้ ที่จะทำให้ผู้เล่นได้เรียนรู้เรื่องของล้อและเพลา, การผ่อนแรงและแรงที่ทำให้เคลื่อนที่ ที่แต่ละจุดจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและสอนการเล่นอย่างถูกวิธี

นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ให้น้องๆ ได้ลองประดิษฐ์ของเล่นภูมิปัญญาด้วยตัวเอง เช่น การประดิษฐ์พญาลืมงาย ของเล่นประดิษฐ์ง่ายๆ แต่เล่นไม่ง่าย เพราะต้องใช้การแก้ปัญหาปมเชือกในโครงไม้ ซึ่งจะมีอุปกรณ์ให้น้องๆ ได้ทดลองทำและนำกลับบ้านได้แบบฟรีๆ

ด้านนักเรียนที่มีร่วมงานอย่าง ด.ญ.ธีรนุช แจ่มขุนเทียน นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนวัดตะวันเรือง จ.ปทุมธานี เผยแก่ทีมข่าวผู้จีดการวิทยาศาสตร์ว่า รู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะได้มาในโอกาสพิเศษซึ่งตรงกับวันวิทยาศาสตร์ไทย เพราะเธอเคยมาแล้ว 1 ครั้งแต่มาครั้งนี้ได้เห็นนิทรรศการเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์เพิ่มเติม ทำให้ไม่เบื่อเพราะเธอชื่นชอบการดูลูกโลก โมเดลจำลองการเกิดสุริยุปราคาในนิทรรศการของ รัชกาลที่ 4 จึงเป็นสิ่งที่เธอให้ความสนใจมากที่สุด

ส่วน ด.ญ.สุคนธ์ทิพย์ ยกแก้ว นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนอุดมปัญญาการ จ.นครศรีธรรมราช เผยว่าเธอและเพื่อนเดินทางจาก จ.นครศรีธรรมราชเข้ากรุงเทพฯ โดยเฉพาะเพื่องานนี้ ส่วนตัวเธอสนใจของเล่นภูมิปัญญาเพราะบางชิ้นไม่เคนเห็น และยังประทับใจเรื่องร่างกายมนุษย์ที่จัดแสดงอยู่ทางด้านบนของตึกลูกเต๋าด้วย

ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์ยังรายงานเพิ่มเติมว่า นายสาคร ชนะไพฑูรย์ รองผู้อำนวยการรักษาการแทนผู้อำนวยการ อพวช.พร้อมผู้บริหารและบุคลากร ได้วางแผนพุ่มถวายสักการะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” เมื่อวันที่ 18 ส.ต.58 บริเวณหน้าพระบรมสาทิศลักษณ์รัชกาลที่ 4 ตึกพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ อพวช. คลอง 5 จ.ปทุมธานี ภายในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี 2558 ท่ามกลางคณะครูและนักเรียนที่เข้าศึกษาดูงาน
พระบรมสาทิศลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เด็กๆ ใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพเพื่เก็บเกี่ยวความรู้
กระบวนการถ่ายภาพดาร์แกโรไทป์ วิทยาการที่นำเข้ามาในสมัย ร.4
โมเดลจำลองการเกิดสุริยุปราคา
เด็กๆ ให้ความสนใจกับทุกๆ กิจกรรม
เด็กๆ นั่งรอเข้าชมภาพยนต์วิทยาศาสตร์
นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
มดต้นไม้สิรินธร มดชนิดใหม่ของโลกที่ถูกค้นพบจากโครงการในพระราชดำริ อพ.สธ.
นักเจ้าฟ้าหญิงสิริธร ที่ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้ว
ด.ญ.สุคนธ์ทิพย์ ยกแก้ว นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนอุดมปัญญาการ จ.นครศรีธรรมราช
ส่วนนิทรรศการของเล่นภูมิปัญญาไทย อีกไฮไลท์สำหรับสัปดาห์วิทยาศาสตร์ 2558
จุดสมดุล ความรู้วิทย์ที่สอดแทรกอยู่ในม้ากระดก
กังหันลม สอนให้เราเข้าใจเรื่องราวของความเฉื่อย
ของเล่นภูมิปัญญาเรื่องการเคลื่อนที่ วัวไม้
นักเรียนรุ่นโตสนใจเกร็ดข้อมูลเชิงละเอียดทางดาราศาสตร์

พี่ๆอพวช. กำลังสอนน้องระบายสีแผ่นกระดาษ เพื่อทำเป็นลูกข่างเชือกสลับภาพ


เด็กหญิงคนนี้ กำลังระบายสีภาพในมุมมองดิจิตอล ที่จะทำให้ภาพที่ออกมาเป็นเหลี่ยมเป็นมุม


เด็กๆ ขะมักเขม้นกับกิจกรรมระบายสี


กิจกรรมเก็บของลงกล่องรูปทรงเรขาณิตช่วยฝึกทักษะให้กับเด็กเล็ก


กิจกรรมไอทีจีเนียส เป็นการให้เด็กร่วมกันตอบไปมา โดยการกระโดไปมาภายในข้อคำตอบ


ของเล่นเชือกกระตุก หนุ่งในของเล่นภูมิปัญญาไทยเสริมการเรียนรู้


เด็กชายคนนี้กำลังมองภาพพิศวงที่เกิดจากเงาสะท้อนของกระดาษมัน


แผนภาพที่ปรากฎจากกล้องชนิดต่างๆ ทำให้เด็กๆ เข้าใจภาพจากกล้องแต่ละชนิดได้ดียิ่งขึ้น


พี่ๆ แจกอุปกรณ์ให้น้องๆ ร่วมกิจกรรมอย่างทั่วถึง


เด็กๆกำลังใช้กระดาษทรายขัดพลาสติกเพื่อทำเป็นแบบจำลองแมงกะพรุน


เด็กๆ ที่มาร่วมกิจกรรมจะได้ร่วมทำชิ้นงานทางวิทยาศษสตร์ด้วยตนเอง ซึ่งสามารถนำกลับไปเล่นที่บ้านได้อีกด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น