มจธ.- นักวิจัย มจธ. คิดค้นเทคโนโลยีผลิต “ป๊อปไรซ์” เป็นรายแรกของโลก จับมือภาคเอกชนเตรียมพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ ตั้งเป้าบุกตลาดพรีเมียมปลายปี '57 หลังทดลองตลาดเพียง 4 เดือนได้ผลตอบรับอย่างดีจากกลุ่มผู้รักสุขภาพภายในและต่างประเทศ.
“ป๊อปคอร์น” ขนมขบเคี้ยวยอดนิยมที่ทำจากเมล็ดข้าวโพดด้วยรสชาติหอมหวานมันเค็มจนเป็นที่ชื่นชอบทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ล่าสุดได้มีการนำเอาเมล็ดข้าวหอมของไทยมาผลิตเป็น “ป๊อปไรซ์” (Pop Rice) ได้เป็นผลสำเร็จรายแรกของโลกเป็นผลงานจากการวิจัยของ รศ.ดร.ณัฎฐา เลาหกุลจิตต์ ประธานสายวิชาเทคโนโลยีชีวเคมี สายวิชาเทคโนโลยีชีวเคมี คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
นวัตกรรมอาหารดังกล่าวเตรียมนำออกสู่ตลาดโดยบริษัท ณัฐกฤษกาญจน์ อะกริเทค จำกัด ที่ได้ร่วมงานวิจัยดังกล่าว นำมาต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกขายเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม หลังทดลองตลาดเพียง 4 เดือน ได้ผลตอบรับอย่างดี ถือเป็นนวัตกรรมที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ส่งผลให้มีพรีออเดอร์จากตลาดค้าปลีกหรือโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) เข้ามาแล้วจำนวนมาก ขณะที่บริษัทเตรียมวางขายในร้านสะดวกซื้อภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้
รศ.ดร.ณัฎฐา เลาหกุลจิตต์ ประธานสายวิชาเทคโนโลยีชีวเคมี มจธ. กล่าวว่า แนวคิดในการนำข้าวหอมมาพัฒนาป๊อปไรซ์ เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก และในชีวิตประจำวันเราต่างกินข้าวกันอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการนำไปผลิตเป็นแป้ง หรือทำเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่ปัจจุบันคนเริ่มสนใจบริโภคข้าวน้อยลงหันไปสนใจทานขนมขบเคี้ยว เช่น ข้าวโพดคั่ว หรือ ป๊อปคอร์น มากขึ้น แต่ป๊อปคอร์นต้องสั่งเมล็ดพันธุ์มาจากต่างประเทศ
“ขณะที่ภูมิปัญญาของไทยเองก็มีการนำข้าวมาแปรรูปเช่นกัน เช่น ข้าวพอง ข้าวแต๋น กระยาสารท ด้วยวิธีการทอด แต่มีปัญหาเรื่องกลิ่นหืน และน้ำมันที่ใช้ทอดอาจจะมีปัญหาต่อสุขภาพ หรือการนำข้าวมาทำเป็นข้าวตอก แต่ปัญหาคือไม่กรอบและไม่มีรสชาติทำให้ไม่เป็นที่นิยม จึงได้ทดลองนำข้าวมาแปรรูปในลักษณะเดียวกับข้าวโพดคั่ว เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวหอมของไทยในรูปแบบของขนมขบเคี้ยว” รศ.ดร.ณัฎฐา ระบุว่า
สำหรับนวัตกรรมผลิตป๊อปไรซ์แตกต่างจากป๊อปคอร์นตรงที่ป๊อปคอร์นมีกากเหลือแข็งๆ เมื่อรับประทานแล้วยังหลงเหลืออยู่ทำให้รู้สึกระคายลิ้น แต่ รศ.ดร.ณัฎฐาชี้ว่าป๊อปไรซ์ไม่มีปัญหาดังกล่าว เนื่องจากผลิตจากข้าวกล้องหอม นอกจากนี้ ไทยยังไม่สามารถปลูกข้าวโพดพันธุ์ที่นำมาแปรรูปเป็นป๊อปคอร์นเองได้ และต้องนำเข้าเมล็ดข้าวโพดจากต่างประเทศ
“การนำข้าวมาแปรรูปคล้ายข้าวโพดคั่วนอกจากเป็นการเพิ่มมูลค่าของข้าว โดยมีราคาเพิ่มขึ้นจากราคาข้าวเปลือกถึง 80 เท่าแล้ว ยังพบว่าช่วยให้ทานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาไม่สามารถทานข้าวหรือมีอาการแพ้โปรตีนกลูเตนที่อยู่ในข้าวสาลี เช่น คนในแถบยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาก็สามารถทานป๊อปไรซ์แทนข้าวสาลีได้ นำมาทานเป็นซีเรียลหรืออาหารเช้า หรือการนำมาปรุงรสชาติให้มีความเป็นสากลมากขึ้น เช่น รสช็อกโกแลต รสคาราเมล เป็นต้น เชื่อว่าจะได้รับความนิยมเช่นเดียวกันกับป๊อปคอร์นเราเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นนวัตกรรมจากภูมิปัญญาไทยสู่สากล และยังแสดงให้เห็นว่า “ข้าวคั่วพองกรอบยุคใหม่ ใส่ใจสุขภาพ ด้วยการคัดสรรข้าวกล้องคุณภาพดีไม่ใช้น้ำมันในกระบวนการผลิต” นักวิจัย มจธ.กล่าว
รศ.ดร.ณัฎฐา กล่าวว่า มจธ.ได้เข้าไปให้ความรู้เรื่องการทำป๊อปไรซ์และช่วยออกแบบเครื่องหรือตู้อบให้กับบริษัท โดยเริ่มจากทดลองนำข้าวอินทรีย์ที่มีกลิ่นหอม อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมนิล และคัดเลือกเฉพาะพันธุ์ข้าวหอมที่เหมาะสม เพราะมีสมบัติช่วยในการพองตัวของแป้งทำให้เมล็ดข้าวแตกหรือพองออกและมีขนาดใหญ่ เบื้องต้นได้ทดลองด้วยการนำไปคั่วแต่ข้าวยังพองได้น้อย จนมาได้ไอเดียเรื่องปริมาณอะไมโลส และทดลองในอุปกรณ์หลายๆ แบบ ทำให้ต้องออกแบบกระบวนการในการผลิต
“จากการวิจัยและทดลองมากว่า 8 เดือน ทำให้รู้ว่าเราต้องเติมอะไรในสัดส่วนเท่าไร และต้องอบในตู้อบแบบไหนที่จะป้องกันป๊อปไรซ์นิ่ม และสามารถคงความกรอบไว้ได้นานที่สุด ซึ่งเราได้ออกแบบและสร้างตู้อบสำหรับควบคุมค่าต่างๆ ทั้งอุณหภูมิ เวลา และปริมาณข้าว เพื่อให้ข้าวสามารถพองออกพร้อมๆกัน และสามารถเก็บรักษาความกรอบไว้ได้นาน 2 - 6 เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับบรรจุภัณฑ์ด้วย ส่วนเรื่องการปรุงรสชาตินั้นเป็นหน้าที่ของทางบริษัท” รศ.ดร.ณัฎฐากล่าว
ด้าน ดร.ศศธร สิงขรอาจ ผู้จัดการโรงงาน บริษัท ณัฐกฤษกาญจน์ อะกริเทค จำกัด กล่าวว่า บริษัทจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 เพื่อต้องการนำงานวิจัยออกมาสู่เชิงพาณิชย์ หรือ จากหิ้งสู่ห้าง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากข้าวและธัญพืช เพราะส่วนตัวเห็นว่างานวิจัยข้าวไม่ควรอยู่บนหิ้ง และข้าวนั้นมีคุณค่าและสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวของไทยได้ จึงควรออกไปสู่มือผู้บริโภค ออกไปสู่ตลาด ประกอบกับตนเองจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากคณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มจธ. และเคยร่วมทำงานวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการงอกของข้าวกล้องเพาะงอกทำให้เกิดความสนใจเรื่องข้าวมาโดยตลอด
“กระทั่งมาเปิดบริษัทแรกๆ ขายเฉพาะข้าวกล้องเพาะงอก และข้าวผงผสมคอลาเจนชนิดชงดื่ม ยังไม่ได้คิดเรื่องป๊อปไรซ์ พอได้ไอเดียนี้จากอาจารย์จึงลองแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เป็นขนมดูบ้าง นับเป็นจุดเริ่มต้นให้ลองมาทำวิจัยเรื่องดังกล่าวร่วมกับอาจารย์ ใช้ระยะเวลา 7-8 เดือน หลังจากปรับปรุงพัฒนากระบวนการต่างๆ จนสามารถผลิตได้ในปริมาณมากแล้ว จึงนำออกทดลองขายตามงานต่างๆ เมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ผลตอบรับดีมาก ทำให้บริษัทเตรียมแผนนำผลิตภัณฑ์ป๊อปไรซ์ออกสู่ตลาดหลังจากที่ได้พัฒนาแพคเกจจิ้งให้ดูทันสมัยขึ้น คาดว่าภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้จะเริ่มวางจำหน่ายได้ที่ร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ” ดร.ศศธรระบุ
ทั้งนี้ ป๊อปไรซ์เป็นหนึ่งในงานวิจัยภายใต้โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากข้าวและธัญพืชผลงานวิจัยของคณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มจธ. นอกจากเอกชนนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และกำลังกระจายออกไปสู่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศแล้ว ผลงานวิจัยชิ้นนี้ยังเป็นหนึ่งในผลการวิจัยเพื่อพัฒนาต่อยอดสู่พาณิชย์ จากผลงานภายใต้โครงการพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ Thailand National Research Universities Summit (NRU) 2014 คลัสเตอร์วิทยาศาสตร์ชีวภาพ วิศวกรรมชีวภาพและอาหาร ของมจธ.ในฐานะเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ สอดคล้องกับซุปราคลัสเตอร์ (Supra Cluster) ของสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) ซึ่งได้มีการนำผลงานเข้าร่วมแสดงในการประชุมสุดยอดมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ครั้งที่ 3 เมื่อต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
*******************************
*******************************