เขาทำนามากว่า 20 ปีแล้ว และถึงแม้จะเรียนมาน้อย แต่ความเป็นคนช่างคิด ช่างสังเกต และทดลองทำจริง วันนี้ “ประเทือง ศรีสุข” กลายเป็นชาวนาตัวอย่าง ที่พัฒนาเครื่องหยอดเมล็ดข้าว ซึ่งนอกจากช่วยประหยัดแรงแล้ว ยังช่วยประหยัดเมล็ดพันธุ์ได้มาก 2-4 เท่า
ประเทือง ศรีสุข เกษตรใน อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ ในวัย 68 ปี เผยแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า เขาทำนามา 21 ปีแล้ว และได้สังเกตเห็นว่าการหว่านเมล็ดข้าวไม่ว่าจะเป็นการแรงงานคน หรือใช้เครื่องหว่าน ล้วนแต่สิ้นเปลืองเมล็ดพันธุ์ข้าว เขาจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้ใช้เมล็ดพันธุ์น้อยและแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
หลังจากพิจารณารถไถนาและอาศัยการลองผิดลองถูก บวกกับประสบการณ์ด้านเครื่องจักรกล ในที่สุดเขาก็ประดิษฐ์ “เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวแบบนาน้ำตม” ซึ่งเป็นเครื่องหยอดเมล็ดข้าวสำหรับนาแบบโคลนตม ซึ่งเขารับประกันว่าการหยอดเมล็ดข้าวด้วยเครื่องของเขานั้นช่วยให้ข้าวแตกกอได้มากกว่าการหว่านเมล็ดด้วยแรงคน และมีเมล็ดข้าวครอบคลุมทุกพื้นที่
“ข้อดีของเครื่องหยอดเมล็ดข้าวแบบนาน้ำตมของลุงคือ ไม่ต้องตกกล้าอะไหล่ก็หาได้ตามท้องตลาด และใช้น้ำเบนซิน 91 หรือใช้ E20 ก็ได้ เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย ถ้าจ้างคนหว่านเมล็ดข้าวตกไร่ละ 60 บาท และใช้ข้าว 10-21 กระสอบ แต่เครื่องของลุงตกไร่ละ 20 บาท แต่ใช้ข้าวแค่ 5 กระสอบ” ประเทืองกล่าว พร้อมบอกด้วยว่า สถาบันอุดมศึกษาในท้องถิ่นได้ช่วยในการจดสิทธิบัตรผลงานที่เขาคิดค้นขึ้นมา
นอกจากพัฒนาเครื่องจักรหยอดเมล็ดข้าวแล้ว ประเทืองยังได้ดัดแปลงส่วนประกอบของรถ เพื่อปรับให้เป็นเครื่องพ่นปุ๋ยน้ำ หรือฮอร์โมนให้แก่พืชได้ และผลจากการคิดค้นและพัฒนาเครื่องจักรกลการเกษตรนี่เอง เขาจึงได้รับคัดเลือกจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเหนือ (สวทช.ภาคเหนือ) ให้รับตำแหน่ง “ผญาดีศรีล้านนา” ประจำปี 2557