ผู้ร่วมพัฒนาทฤษฎี “อนุภาคฮิกกส์” หรือที่ขนานนามกันว่า “อนุภาคพระเจ้า” เรียกร้องให้เปลี่ยนชื่ออนุภาค เพื่อให้เกียรติแก่ทุกคนที่พัฒนาให้เกิดทฤษฎีนี้ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 6 คน ไม่ใช่ให้เกียรติแค่ “ปีเตอร์ ฮิกกส์” คนเดียว และยังเป็นประเด็นให้คาดเดาว่าปีนี้รางวัลโนเบลฟิสิกส์จะมอบให้แก่ทฤษฎีอนุภาคฮิกกส์
เมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้วมีการประกาศการค้นพบอนุภาคที่น่าจะเป็น “อนุภาคฮิกกส์” (Higgs boson) ณ สถานีปฏิบัติการเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider) ของเซิร์น (Cern) ซึ่งตั้งอยู่ใต้พรมแดนระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส และแม้จะเรียกติดปากกันมานาน แต่ในมุมของ คาร์ล ฮาเกน (Carl Hagen) หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมพัฒนาทฤษฎีอนุภาคนี้บอกทางบีบีซีนิวส์ว่า ชื่อของอนุภาคไม่ควรเป็นชื่อของคนๆ เดียว เพราะทำให้ลดคามสำคัญของคนอื่นๆ ที่มีส่วนร่วมในงาน แม้เขาไม่ใช่คนที่เริ่มรณรงค์เรื่องการเปลี่ยนอนุภาคแต่เขาก็ยินดีสนับสนุนการรณรงค์นี้
ศ.ปีเตอร์ ฮิกกส์ (Prof. Peter Higgs) ได้พัฒนาทฤษฎีอธิบายว่าอนุภาคมูลฐานต่างๆ นั้นกลายเป็นสสารที่จับต้องได้หรือมีมวลได้อย่างไร และได้ตีพิมพ์ผลงานนั้นเมื่อปี 1964 หากแต่นักวิจัยคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำงานร่วมกับเขาก็เสนอแนวคิดคล้ายๆ กัน และพวกเขาก็ถกเถียงกับ ศ.ฮิกกส์ มาเป็นเวลานานเพื่อให้เปลี่ยนชื่ออนุภาค
คนที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาทฤษฎีอนุภาคฮิกกส์คือ แฟรงซัวส์ อองแกรต์ (Francois Englert), ปีเตอร์ ฮิกกส์, เจอรัลด์ กูรัลนิก (Gerald Guralnik), ทอม กิบเบิล (Tom Kibble) โรเบิร์ต เบราต์ (Robert Brout) และ คาร์ล ฮาเกน ซึ่งในจำนวนนั้น 5 คนที่มีส่วนร่วมพัฒนาทฤษฎีได้ร่วมแถลข่าวการค้นพบอนุภาคที่เชื่อว่าเป็นอนุภาคฮิกกส์ แต่มีเพียง ศ.ฮิกก์สที่ได้รับเสียงปรบมือจากการเสนอของนักวิจัย
“ปีเตอร์ ฮิกกส์ ได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นร็อคสตาร์ ส่วนเราที่เหลือแทบไม่ได้รับการจดจำจากผู้ฟังที่เหลือ มันชัดเจนว่าฮิกกส์เป็นชื่อที่โดดเด่น เนื่องจากความจริงที่ว่าชื่อของเขานั้นตรงกับชื่อของอนุภาค” ศ.ฮาเกน ให้สัมภาษณ์ทางบีบีซีเวิร์ลนิวส์
ส่วนโฆษกจากเซิร์นซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีบอกทางบีบีซีนิวส์ว่า ไม่ใช่สิทธิของห้องฏิบัติการที่กำหนดชื่อของอนุภาคที่เพิ่งค้นพบใหม่ โดยทั่วไปอนุภาคทั้งหลายจะถูกตั้งชื่อโดยนักทฤษฎีที่ทำนายการมีอยู่ของอนุภาคเหล่านั้ ยกตัวอย่างเช่น “ควาร์ก” (quark) หรือตั้งชื่อโดยนักทดลองที่ค้นพบอนุภาคซึ่งนักทฤษฎีไม่ได้ทำนายไว้อย่าง “นิวตรอน” (neutron) เป็นต้น
โฆษกเซิร์นระบุว่า ทุกกรณีชื่อที่ถูกใช้โดยทั่วไปจะได้รับการยอมรับจากประชาคมนักฟิสิกส์อนุภาค และทุกวันนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มพาร์ทิเคิลดาตากรุ๊ป (Particle Data Group) ซึ่งรับรองอนุภาคฮิกกส์โบซอน แต่ในงานประชุมวิชาการของนักฟิสิกส์เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการหารือกันเรื่องการค้นพบอนุภาคฮิกกส์ นักวิจัยได้รับการสนับสนุนให้เรียกอนุภาคที่เพิ่งค้นพบว่า “เอสเอ็มสเกลาร์โบซอน” (SM Scalar Boson) เพื่อให้แน่ใจก่อนว่าอนุภาคนั้นคือฮิกกส์จริงๆ ก่อนจะเรียกเช่นนั้น
แม้ว่าจะมีนักทฤษฎี 6 คนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทฤษฎีอนุภาคฮิกกส์ แต่นักสิ่งจำนวนมากเชื่อว่าถ้าใช้ชื่อทุกคนตั้งชื่ออนุภาคก็จะเป็นคำที่ยาวและยากจะพูดมากเกินไป หรือถ้าอักษรหน้าชื่อของแต่ละคนมาตั้งเป็นชื่ออนุภาคก็จะได้คำที่ไม่สุภาพนัก อย่างเช่น “ BEHGHK” จะออกเสียงได้ว่า “เบิร์ก”
ส่วน ศ.ฮาเกน ผู้ร่วมพัฒนาทฤษฎีและตัวแทนจากมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ (University of Rochester) นิวยอร์ก สหรัฐฯ แนะว่า ควรเรียกอนุภาคเป็น “สแตนดาร์ดโมเดลสเกลาร์เมซอน” (Standard Model Scalar Meson) หรือ เอสเอ็มสแควร์ (SM Squared)
นอกจากนี้ยังมีความกดดันไปยังคณะกรรมการรางวัลโนเบล ซึ่งกฎของรางวัลจะมอบให้แก่ผู้ได้รับเลือกไม่เกิน 3 คน และผู้ได้รับรางวัลต้องยังมีชีวิตอยู่ และตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ 5 คนผู้มีส่วนในการพัฒนาทฤษฎีฮิกกส์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะได้รับรางวัลโนเบลล้วนมีอายุระหว่าง 70-80 ปี ส่วนเบราต์เสียชีวิตเมื่อปี 2011 ดังนั้นคณะกรรมการจึงต้องตัดสินใจมอบรางวัลแก่ทฤษฎีฮิกกส์ก่อนที่ผู้ได้รับรางวัลจะเสียชีวิต
ยังไม่จบเท่านั้นเพราะปัญหาคือใครจะเป็น 3 คนที่ได้รับเลือกให้รับรางวัล โดย ศ.ฮาเกนเชื่อว่าทั้ง 6 คนที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาทฤษฎี ควรได้รับการสำนึกถึงคุณค่าจากทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรกลุ่มใหญ่ที่แอลเอชซีด้วย
ด้าน ศ.จอร์แดน แนช (Prof. Jordan Nash) จากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน (Imperial College London) ซึ่งช่วยตรวจวัดและกำหนดคุณลักษณะของอนุภาคที่แอลเอชซีเมื่อปีที่แล้ว กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนชื่ออนุภาคในตอนนี้ และเชื่อด้วยว่าประชาคมวิทยาศาสตร์ใส่ใจต่องานพื้นฐานที่ทำโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตระหนักว่างานที่ทำมาถึง 50 ปีนี้นำไปสู่การทำนายถึงสิ่งที่เห็นได้จากการทดลอง
