xs
xsm
sm
md
lg

Sally Ride มนุษย์อวกาศสตรีคนแรกของอเมริกา

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

Sally Ride ในงาน Sally Ride Science Festival เมื่อปี 2007 (์NASA/Dominic Hart)
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ Sally Ride สตรีอเมริกันคนแรกที่เดินทางในอวกาศได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน หลังจากที่ได้ต่อสู้กับโรคนาน 17 เดือน

ในปี 1983 Ride ได้ทะยานขึ้นฟ้าด้วยกระสวยอวกาศ Challenger เพื่อทดสอบแขนกลที่ NASA ออกแบบเพื่อใช้ปล่อย และเก็บดาวเทียมจากวงโคจร การทำงานของเธอที่บุกเบิกอวกาศในช่วงเวลานั้นจึงเปรียบเสมือน Laura Ingalls Wilder ในนวนิยายเรื่อง Little House on the Prairie ที่บุกเบิกอเมริกา แต่แทนที่จะเดินทางด้วยเกวียนเทียมม้า Ride กลับเดินทางด้วยกระสวยอวกาศที่มีอุปกรณ์ซุปเปอร์ไฮเทคมาก และในขณะที่ Wilder เดินทางพร้อมญาติและเพื่อนๆ Ride เดินทางไปกับเพื่อนๆ ที่สังกัด NASA แต่มิได้เป็นญาติกัน ถึงกระนั้นคนทั้งสองต่างก็เป็นนักสำรวจที่ได้เดินทางไปเยือนดินแดนที่ไม่เคยมีใครเหยียบย่างมาก่อน และการเดินทางของ Ride ในครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ Alan Sheppard มนุษย์อวกาศของอเมริกาได้ขึ้นอวกาศเป็นครั้งแรก เมื่อปี 1967 ถึง 16 ปี

เมื่อทราบข่าวมรณกรรมของ Ride ประธานาธิบดี Barach Obama ได้กล่าวสดุดีว่าเธอเป็นวีรสตรีคนหนึ่งของชาติ และเป็นบุคคลต้นแบบให้อนุชนอเมริกันรุ่นหลังได้เจริญรอยตาม โดย Ride ได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่า ความสามารถของสตรีนั้นไม่มีขอบเขตหรือข้อจำกัด คือเท่าเทียมบุรุษทุกประการ

ในปี 2008 ที่เป็นปีเฉลิมฉลองวาระครบ 25 ปี แห่งการเดินทางไปในอวกาศของเธอ Ride ได้กล่าวว่า เธอรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นสตรีอเมริกันคนแรกในอวกาศ และพูดถึงการเดินทางครั้งนั้นเพียงสั้นๆ ว่า “สนุก”

Ride มีประสบการณ์เดินทางในอวกาศทั้งหมด 2 ครั้ง รวมเป็นเวลานาน 14 วัน 7 ชั่วโมง 46 นาที และมีแผนจะเดินทางอีกเป็นครั้งที่ 3 แต่ยาน Challenger ได้ระเบิดคร่ามนุษย์อวกาศผู้โดยสารทั้ง 7 คน ทำให้โครงการเดินทางของกระสวยอวกาศต้องเลื่อนออกไป และ Ride ต้องจบชีวิตมนุษย์อวกาศโดยปริยาย

ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1987 Ride ได้ขอลาออกจาก NASA เพื่อไปเป็นผู้อำนวยการของ California Space Institute ที่ San Diego และเธอได้เรียบเรียงหนังสือ 4 เล่ม เพื่อกระตุ้นเร้าเด็กอเมริกันให้สนใจอวกาศ

Sally Ride เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ.1951 ที่เมือง Encino ซึ่งอยู่ใกล้ Los Angeles ใน California บิดา Dale Ride เป็นอาจารย์สอนรัฐศาสตร์ ส่วนมารดา Carol เป็นครูแนะแนว ทั้งๆ ที่พ่อและแม่มิได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อรู้ว่าลูกสาวสนใจ บิดามารดาก็สนับสนุน เพราะ Ride นอกจากจะเรียนหนังสือเก่งแล้ว เธอยังเป็นนักกีฬาที่สามารถด้วย

Ride ได้ทุนเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ Portola Middle School และที่ West Lake School เธอเล่าว่าเธอต้องการจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมตอนต้น โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากครอบครัว และจากครูที่สอนชีววิทยาเธอชื่อ Elizabeth Monmaerts และสำหรับครูท่านนี้ Ride ได้อุทิศหนังสือที่เธอเขียนเรื่อง To Space and Back ให้
ภาพอันเป็นตำนานของ Sally Ride มนุษย์อวกาศหญิงคนแรกของสหรัฐฯ (NASA)
ในขณะเดียวกัน Ride ก็คิดจะเป็นนักเทนนิสอาชีพด้วย เพราะเธอเล่นเทนนิสได้ดีถึงระดับติดอันดับหนึ่งในยี่สิบของเยาวชนหญิงแห่งชาติ เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน เธอได้ไปศึกษาต่อที่ Swarthmore College แล้ว เข้าเรียนระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย Stanford วิชาเอกฟิสิกส์กับวรรณคดีอังกฤษ และเรียนจบในปี 1973 เพราะในช่วงเวลานั้น อาจารย์ที่ Stanford กำลังตื่นเต้นเรื่อง Free Electron Laser (FEL) ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่เกิดจากการเปลี่ยนพลังงานของอิเล็กตรอนอิสระเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยอิทธิพลของสนามแม่เหล็กความเข้มสูง เธอจึงศึกษาเรื่องนี้ และเริ่มทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก เรื่อง FEL ซึ่งให้แสงที่มีความยาวคลื่นในช่วงระหว่างรังสีเอ็กซ์กับแสงที่ตาเห็น

อีก 3 ปีต่อมา เธอก็สำเร็จ Ph.D. และเริ่มสนใจปริศนาการดูดกลืนรังสีเอ็กซ์ในอวกาศ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของฟิสิกส์ดาราศาสตร์ (Astrophysics) ที่นำกฎฟิสิกส์มาศึกษาเอกภพ ตั้งแต่อุบัติ จนกระทั่งถึงจุดจบ ตามปกติองค์การ NASA ต้องการนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์มาก เพื่อให้ออกแบบการทดลองและใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศ รวมถึงให้ขึ้นสำรวจอวกาศในช่วงเวลาสั้นๆ ด้วย เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ประเภทนี้วิเคราะห์ข้อมูล คำนวณ และวางแผนการสำรวจเอกภพในอนาคต โดยอาศัยข้อมูลจากดาวเทียมที่กำลังโคจรรอบโลก จากกล้องโทรทัศน์อวกาศ เช่น Hubble และ Kepler เป็นต้น ดังนั้นเธอจึงคิดสมัครเข้าทำงานที่ NASA อันเป็นองค์กรที่มีบทบาทหน้าที่หนึ่งคือสำรวจอวกาศ

องค์กร NASA นั้นได้ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1958 โดยประธานาธิบดี David Eisenhower ได้ขออนุมัติรัฐสภาสหรัฐให้จัดตั้งสถาบันอวกาศขึ้นเพื่อแข่งขันกับรัสเซีย ในยุคสงครามเย็นซึ่งเป็นการแข่งขันหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสงคราม วัฒนธรรม หรือวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เพราะคนอเมริกันทุกคนตกตะลึง เมื่อรู้ว่า รัสเซียสามารถปล่อยดาวเทียม Sputnik I ขึ้นโคจรรอบโลกได้ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ.1957 เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวอเมริกันวิตกและหวั่นเกรงว่า รัสเซียอาจใช้ดาวเทียมบรรทุกระเบิดประมาณูมาถล่มอเมริกา ณ ที่ใดและเวลาใดก็ได้ จึงประกาศระดมนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกมาทำงานร่วมกันที่ NASA

ในปี 1978 หลังจากที่สำเร็จปริญญาเอกแล้ว Ride ได้สมัครเข้าร่วมทำงานในโครงการอวกาศของ NASA ในการสมัครครั้งนั้น มีคนสมัครประมาณ 8,000 คน มีผู้หญิงประมาณ 1,000 คน (เพราะ NASA ประสงค์จะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้าร่วมโครงการด้วย) หลังจากการสอบสัมภาษณ์ จากผู้ที่สอบผ่าน 35 คน มีผู้หญิง 6 คน และ Ride เป็น 1 ใน 6 คนนั้น

ในช่วงที่ฝึกอบรมเพื่อเตรียมตัวเป็นนักบินอวกาศ Ride ต้องตระเตรียมทั้งกายและใจ หัดกระโดดร่ม ฝึกการใช้ชีวิตกลางทะเล หัดติดต่อสื่อสารด้วยวิทยุ เรียนการใช้แผนที่ โดยเข้าฝึกร่วมกับว่าที่นักบินอวกาศคนอื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ Ride ก็ยังได้รับมอบหมายให้พัฒนาแขนกลที่ใช้สำหรับปล่อยดาวเทียมสู่อวกาศ และดึงดาวเทียมจากอวกาศมาเก็บบนยานอวกาศด้วย

ในปี 1983 หลังจากที่ได้ฝึกฝนอย่างเข้มงวดเป็นเวลานานร่วม 5 ปี Ride ก็ได้รับการคัดเลือกให้เดินทางไปในกระสวยอวกาศ Challenger ขึ้นอวกาศเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ปี 1983 จากฐาน Kennedy Space Center ที่ Cape Canaveral ใน Florida เธอจึงเป็นสตรีอเมริกันคนแรกที่ขึ้นอวกาศ และเป็นคนที่สามของโลก (หลัง Valentina Tereshkova ในปี 1963 และ Svetlana Savitskaya ในปี 1982)

ในการเดินทางครั้งนั้น มนุษย์อวกาศในยาน Challeneger ได้ปล่อยดาวเทียมสื่อสาร 2 ดวง ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ 40 เรื่อง และ Ride นับเป็นสตรีคนแรกที่ประสบความสำเร็จในการใช้แขนกลตามเก็บดาวเทียม โดยเธอใช้เวลาในอวกาศครั้งนั้นนาน 6 วัน 2 ชั่วโมง 23 นาที กับ 59 วินาที เมื่อเสร็จภารกิจ กระสวยอวกาศก็ได้ลงจอดอย่างปลอดภัยที่ Edward Air Force Base ใน California

สตรีทั่วโลกต่างก็พากันชื่นชม Ride ในฐานะวีรสตรีคนหนึ่ง เธอได้รับเชิญไปเข้าพบประธานาธิบดี Ronald Reagan ที่ White House และเป็นเซเล็บที่ทุกคนสนใจ แต่ Ride ไม่ชอบให้สื่อถามเรื่องส่วนตัวเลย เช่น เรื่องครอบครัวหรือคู่ครอง เพราะเธอและสามีชื่อ Steve Hawley ซึ่งเป็นเพื่อนมนุษย์อวกาศรุ่นเดียวกับเธอ ได้แต่งงานกันในปี 1982 โดยไม่มีบุตร และหย่ากัน ในอีก 5 ปีต่อมา

เมื่อถึงวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ.1984 Ride ก็ได้เดินทางในอวกาศอีกเป็นครั้งที่ 2 ในกระสวยอวกาศยานเดิม โดยมี Robert Chippen เป็นผู้บังคับบัญชา และมีมนุษย์อวกาศสตรีชื่อ Kathryn Sullivan เดินทางไปด้วย (Sullivan เป็นสตรีคนแรกของโลกที่ได้เดินนอกยานอวกาศ) หลังจากที่โคจรอยู่นาน 9 ชั่วโมง Ride ก็ได้ใช้แขนกลที่เธอได้ช่วยออกแบบสร้างเพื่อใช้ปล่อยดาวเทียม Earth Radiation Budget Sattelite (ERBS) เพื่อวัดรังสีจากดวงอาทิตย์ และรังสีที่โลกสะท้อนกลับสู่อวกาศ
Kathryn Sullivan มนุษย์หญิงที่ร่วมเดินทางไปกับ Ride ในการเดินทางสู่อวกาศครั้งที่ 2 ด้วยกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ (NASA)
NASA ได้กำหนดจะให้ Ride เดินทางในอวกาศอีกเป็นครั้งที่สาม แต่เมื่อถึงวันที่ 28 มกราคม 1986 กระสวยอวกาศ Challenger ได้ระเบิดหลังจากที่ถูกปล่อยขึ้นอวกาศนานเพียง 73 วินาที ทำให้มนุษย์อวกาศในยาน 7 คน เสียชีวิตหมด เหตุการณ์นี้ทำให้โครงการกระสวยอวกาศต้องหยุดชะงักไป 3 ปี

เพียง 6 วันหลังจากที่เกิดเหตุสะเทือนขวัญคนทั้งโลก Ride และ Neil Armstrong (บุคคลแรกที่เดินเหยียบย่างบนดวงจันทร์) ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น 2 คนในคณะกรรมการหาสาเหตุการระเบิด เพื่อปรับปรุงการเดินทางของกระสวยอวกาศในอนาคตให้ปลอดภัย ผลการสำรวจที่เป็นรายงาน 122,000 หน้า แสดงให้เห็นว่า วงแหวน O ในถังเชื้อเพลิงทำงานบกพร่อง เพราะอากาศในวันนั้นหนาวจัดที่อุณหภูมิ 2 องศาเซลเซียส การหดตัวที่ไม่เหมาะสมทำให้เชื้อเพลิงรั่วไหลไปสู่ส่วนอื่นๆ ของยาน ยานจึงระเบิด

การระเบิดของยาน Challenger ได้มีผลกระทบต่อชีวิตของ Ride มาก เพราะเธอรู้จักผู้ที่เสียชีวิตทุกคน และเมื่อตระหนักว่าวัย 36 ปีของเธอนั้นค่อนข้างมากเกินที่จะได้ขึ้นอวกาศอีก Ride จึงขอลาออกจาก NASA หลังจากที่ได้เสนอรายงาน roadmap ต่อ NASA เรื่อง Leadership and America’s Future in Space ซึ่งเธอได้แนะนำให้ NASA ส่งคนกลับเยือนดวงจันทร์อีก รวมทั้งไปสำรวจดาวอังคารด้วย

เพราะ Ride มีประสบการณ์สูงมาก เธอจึงได้เข้าทำงานที่ Center for International Security and Arms Control ที่มหาวิทยาลัย Stanford เป็นเวลา 2 ปี แล้วไปทำงานเป็นนักวิจัยที่ University of California ที่ San Diego ในตำแหน่งผู้อำนวยการของ California Space Institute

เธอทำงานวิจัยด้าน astrophysics ต่อและมีผลงานวิจัยตีพิมพ์ 20 เรื่อง เขียนหนังสือวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก 4 เล่ม คือ
To Space and Back
Voyager: An Adventure to the Edge of the Solar System
The Third Planet: Exploring the Earth for Space
และ The Mystery of Mars

ในการเลือกตั้งปี 2008 Ride สนับสนุน Obama
ในด้านเกียรติยศและชื่อเสียง เธอได้รับเหรียญ National Space Society’s von Braun Award, Linberg Eagle และ Jefferson Award

ณ วันนี้ที่อเมริกามีโรงเรียนประถม 2 โรงเรียนที่ตั้งตามชื่อของเธอคือ Sally K. Ride Elementary School ที่ Woodlands รัฐ Texas กับที่ Germantown รัฐ Maryland

Ride ตัวจริงกับ Laura Ingalls Wilder ในนิยาย จึงเป็นสตรีนักสำรวจบุกเบิกที่เหมือนกันหลายด้าน แม้จะใช้ชีวิตที่ห่างกันนานหลายศตวรรษก็ตาม

เกี่ยวกับผู้เขียน

สุทัศน์ ยกส้าน
ประวัติการทำงาน - ภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสถาน และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์

ประวัติการศึกษา - ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

อ่านบทความ สุทัศน์ ยกส้าน ได้ทุกวันศุกร์







กำลังโหลดความคิดเห็น