xs
xsm
sm
md
lg

จิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ในการวาดแสง Joseph M.W. Turner

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

ภาพวาดตัวเองของ Joseph M.William Turner
J.M.W. Turner เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ.1775 (ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช) ที่ Mauden Lane ในลอนดอน บิดาเป็นช่างตัดผม Turner เริ่มเรียนหนังสือที่ Brentford Free School และพบว่าชอบวิชาวาดเขียนมากกว่าวิชาอื่นๆ จึงตัดสินใจมีอาชีพเป็นจิตรกร เมื่ออายุ 14 ปี ได้เข้าเรียนศิลปะที่ Royal Academy of Arts เมื่อภาพ Fisherman at Sea ของเขาถูกนำออกแสดงที่ Royal Academy ชื่อเสียงของ Turner วัย 21 ปีก็ปรากฏ

หลังจากนั้น Turner ได้ออกเดินทางหาประสบการณ์และแรงดลใจในการวาดภาพทิวทัศน์ โดยการท่องเที่ยวไปทั่วอังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์ เพื่อจดจำและบันทึกภาพภูมิประเทศที่สวยงามแล้วนำมาวาด ผลที่ตามมาคือทุกปีที่มีงานแสดงที่ Royal Academy ภาพวาดของ Turner ชายร่างเตี้ยและจมูกโง้ง ก็มักถูกคัดเลือกให้นำออกแสดง และเมื่อมีคนซื้อภาพไปๆ ฐานะการเงินของ Turner ก็ดีขึ้น เมื่ออายุ 27 ปี Turner รับเลือกเป็นสมาชิกของ Royal Academy ซึ่งถือว่าเป็นเกียรติอันสูงยิ่งสำหรับจิตรกรที่มีอายุน้อยเช่นนี้

เมื่ออายุ 28 ปี Turner ได้ตัดสินใจมีสตูดิโอวาดภาพของตนเอง เพราะภาพที่เขาวาดเป็นที่ต้องการของตลาด และเพื่อให้ภาพที่จะวาดมีความหลากหลาย Turner ได้เดินทางไปฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และได้รับอิทธิพลของจิตรกรยุโรปต่อสไตล์การวาดภาพของเขาในเวลาต่อมา ซึ่งจิตรกรเหล่านี้ ได้แก่ Lorraine, Rubens, Elsheimer และ Poussin เช่นภาพวิวที่ Lorraine วาดเป็นปราสาทในยามพระอาทิตย์ตกดินทำให้ Turner เริ่มสนใจเรื่องความสำคัญของแสงและสี และได้พบว่าไฟไม่เพียงแต่ให้แสงสว่างเท่านั้น ยังให้บรรยากาศด้วย ภาพวาดของ Turner ที่มีชื่อเสียงในช่วงนี้ คือภาพ Coalmen Heaving in Coals by Moonlit และภาพ Juliet and her Nurse กับภาพ Venice, the Bridge of Sighs ซึ่งสองภาพหลังนี้เป็นภาพเมืองเวนิซ ถึง Turner จะมีชื่อเสียง แต่ก็มีนักวิจารณ์ศิลปะบางคนที่ไม่ชอบภาพของ Turner โดยให้เหตุผลว่าภาพมีแต่แสง และมีทิวทัศน์เป็นจุดรอง เพราะภาพมัวจนดูไม่ชัด เสมือนเป็นภาพวาดของคนบ้า การวิจารณ์ทำนองนี้ทำให้ Turner รู้สึกเจ็บปวดมากเพราะแม่ของเขาเสียชีวิตในโรงพยาบาลคนบ้า

ในบั้นปลายของชีวิต ภาพวาดของ Turner ยิ่งมีบรรยากาศแสงมากขึ้น เช่นภาพ The Fighting Temeraire ที่ Turner วาดขณะอายุ 63 ปี และภาพ Snowstorm ที่วาดขณะอายุ 67 ปี กับภาพ Rain, Steam and Speed ซึ่งวาดเมื่ออายุ 69 ปี สำหรับภาพ The Fighting Temeraire นั้น ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพของจิตรกรอังกฤษที่คนอังกฤษรักและชื่นชมมากที่สุด เมื่ออายุมากขึ้น Turner ซึ่งเป็นคนสันโดษพูดน้อย ไม่แต่งตัว ก็เริ่มป่วยบ่อยขึ้น และเป็นโรคซึมเศร้า จึงต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่ Chelsea ใกล้แม่น้ำเทมส์ที่เขารัก Turner เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ.1851 ขณะอายุ 76 ปี โดยทิ้งมรดกไว้มหาศาล ชีวิตของ Turner จึงแตกต่างจากชีวิตของจิตรกรอื่น ในยุคเดียวกันที่มักตายอย่างอนาถา และไม่ได้รับการยอมรับเลยขณะมีชีวิตอยู่
The shipwreck of the Minotaur
ในการวิเคราะห์ภาพของ Turner เราจะเห็นว่า Turner ไม่ถนัดการวาดภาพเหมือน อย่างกรณี Thomas Gainsborough, Joshua Reynolds และ George Romney และไม่ได้วาดภาพทิวทัศน์อย่างตรงไปตรงมา แต่ใช้เทคนิคส่วนตัว เช่น จุ่มผ้าที่จะวาดในน้ำ แล้วใช้สีสดๆ ระบาย จากนั้นใช้ฟองน้ำเช็ดแล้วเติมรายละเอียดลงในภายหลัง สำหรับการระบายแสงนั้น Turner ใช้สีที่ฉูดฉาด ทั้งสีเหลือง ขาว และแดง เพราะ Turner เชื่อว่าแสงคือสิ่งที่สามารถทำให้ภาพเคลื่อนไหวได้ ดังภาพ Hannibal Crossing the Alps ที่แสดง Hannibal นั่งบนหลังช้าง นำกองทัพข้ามเทือกเขาแอลปส์ บนฟ้ามีเมฆสีน้ำตาลก้อนใหญ่ ซึ่งแสดงเหตุการณ์พายุหิมะกำลังพัดอย่างรุนแรงจนบดบังแสงสีเหลืองจากดวงอาทิตย์ ภาพนี้จึงมิใช่ภาพทิวทัศน์ธรรมดา แต่ยังเป็นภาพประวัติศาสตร์ด้วย

ปรกติเวลาใครเอ่ยถึง พิพิธภัณฑ์ Louvre คนฟังมักนึกถึงภาพ Mona lisa ของ da Vinci ในทำนองเดียวกัน เวลาใครก็ตามพูดถึง Tate Gallery คนฟังก็มักนึกถึง Turner เพราะพิพิธภัณฑ์ Tate นี้มีภาพวาดสีน้ำมันของ Turner มากถึง 160 ภาพ จากบรรดาภาพสีน้ำมันที่ Turner วาดทั้งสิ้น 500 ภาพ จะอย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2007 National Gallery of Art ที่วอชิงตันได้นำภาพวาดของ Turner ออกแสดงซึ่งมีทั้งภาพที่ Turner วาดตั้งแต่สมัยอายุ 15 ปี จนกระทั่งอายุ 75 ปี งานแสดงนี้ได้รับการสนับสนุนให้ยืมภาพ 86 ภาพจาก Tate Gallery และที่ National Gallery ในลอนดอนก็ให้ยืมภาพส่วนหนึ่ง แต่ไม่ให้ภาพ Rain, Steam and Speed ซึ่งเป็นภาพเอกอีกชิ้นหนึ่งของ Turner ที่แสดงรถไฟกำลังแล่นผ่านทะเลหมอกด้วยความเร็วสูง

ภาพสำคัญที่นำออกแสดงในครั้งนั้นได้แก่ภาพ The Burning of the Houses of Lords and Common, 16th October, 1834 ของ Philadelphia Museum of Art กับภาพ The Burning of the Houses of Parliament, October16, 1834 ของ Cleveland Museum of Art

ในการเข้าใจภาพทั้งสองให้ลึกซึ้ง เราต้องรู้ว่าในอดีตเมื่อ 200 ปีก่อน ลอนดอนเป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่ เพราะอากาศไม่บริสุทธิ์และมีมลภาวะมาก น้ำโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยน้ำเสียอย่างไร้การควบคุมจนน้ำในแม่น้ำเทมส์เน่า นอกจากนี้การเผาถ่านหินตลอดเวลาก็ได้ ทำให้ลอนดอนมีควันและหมอกปกคลุม จนท้องฟ้าในยามเย็นมีแสงแดงสลัวเป็นเวลานาน มลภาวะเช่นนี้ทำให้มีคนล้มตายด้วยโรคถุงลมอักเสบร่วม 100 คน/สัปดาห์

นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่า ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.1834 คือเมื่อ 177 ปีก่อน รัฐสภาของอังกฤษได้ถูกไฟไหม้ โดยไฟได้เริ่มลุกไหม้ที่ห้องครัว ลมที่พัดแรงทำให้ไฟยิ่งลุกลามเร็ว จนห้องทำงานและห้องพักผ่อนของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถูกไฟเผาผลาญจนราบคาบ และเมื่อพนักงานดับเพลิงไม่มีข้อมูลของเส้นทางในอาคาร ความพยายามใดๆ จะดับไฟจึงไร้ประสิทธิภาพ เหตุการณ์นี้ได้ทำให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกต่างพากันขนเอกสารและหนังสือสำคัญออกจากอาคารเพื่อหนีไฟ และทุกคนได้ตั้งความหวังว่า ไฟคงไม่ลามไปถึงมหาวิหาร Westminster และโบสถ์ St. Margaret

ทันทีที่รู้ข่าวไฟไหม้ Turner ได้ลงเรือในแม่น้ำเทมส์ และให้ลูกศิษย์พายเรือไปจนกระทั่งถึง Waterloo Bridge เพื่อบันทึกเหตุการณ์ที่ระยะใกล้ โดยใช้ดินสอสเก็ตซ์ภาพอย่างหยาบๆ จนเสร็จแล้วจึงขึ้นฝั่ง
The Burning of the Houses of Lords and Commons
ถึงแม้ Turner จะเคยวาดภาพภูเขาไฟระเบิด แต่เขาก็ไม่เคยวาดภาพไฟไหม้เลย ดังนั้น เหตุการณ์ไฟไหม้รัฐสภาจึงเปิดโอกาสให้ Turner ได้วาดภาพใหม่ จากเหตุการณ์จริงที่เห็นกับตา

ในภาพ The Burning of the Houses of Lords and Commons เราจะเห็นไฟที่กำลังเผาตึกรัฐสภาของอังกฤษ โดย Turner ได้วาดภาพเปลวไฟสีแดง สีเหลือง ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าและสีขาวของวิหาร St. Paul’s ภาพแสดงบรรยากาศตื่นตระหนกของผู้คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์บนสะพาน เมื่อเห็นรัฐสภาถูกไฟไหม้ Turner ได้แสดงความรุนแรงของอัคคีภัย โดยใช้สีน้ำที่ดูบางเบาไร้น้ำหนัก ระบายอย่างฉูดฉาดจนทำให้ไฟมีลักษณะเสมือนกำลังลุกไหม้จริง

เมื่อถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1835 หลังจากที่ทุ่มเทเวลาวาดภาพไฟไหม้รวดเดียวจบโดยไม่สนทนาพาทีกับใคร ภาพ Burning ก็เสร็จสมบูรณ์ โฟกัสของภาพอยู่ที่เพลิงที่กำลังลุกโชติช่วงอย่างรุนแรง สำหรับรายละเอียดอื่นๆ เช่น ส่วนที่เป็น Library of Commons กับ St. Stephen’s Chapel นั้นก็มีในภาพเช่นกัน รวมทั้งภาพประชาชนที่เฝ้าดูรัฐสภาขณะถูกไฟเผา Turner ก็ได้วาดลงไปหมดจนเห็นภาพบางคนดีใจ และหลายคนเสียใจ เพราะในช่วงเวลานั้น บรรยากาศของประเทศมีความแตกแยก สืบเนื่องจากรัฐสภาได้ออกกฎหมายปฏิรูปการให้เงินแก่คนจนที่เร่ร่อน โดยได้กำหนดใหม่ว่าจะให้เงินแก่คนที่พำนักในสถานที่เฉพาะเท่านั้น แต่คนเหล่านี้ก็จะถูกบังคับให้ทำงานหนักมากด้วย

ดังนั้นเมื่อรัฐสภาถูกเผา คนจนหลายคนจึงคิดว่าเป็นเรื่องดีที่พระเจ้าทรงลงโทษคนออกกฎหมายที่อยุติธรรม แต่พวกอนุรักษนิยมกลับมองว่าเป็นเรื่องเสียหายร้ายแรง

ในอดีตเมื่อ 45 ปีก่อน ได้เคยมีการจัดงานแสดงภาพวาดของ Turner ที่เกือบสมบูรณ์เป็นครั้งแรกในอเมริกา งานแสดงภาพวาดของ Turner ร่วม 150 ภาพที่ถูกนำออกแสดงที่ National Gallery of Art ที่วอชิงตัน เมื่อ 3 ปีก่อน ได้ถูกนำไปแสดงต่อที่ Dallas Museum of Art และ New York’s Metropolitan Museum มีคนเข้าชื่นชมผลงานของจิตรกรผู้หนึ่งที่บุกเบิกการวาดภาพสไตล์ Impressionism

สำหรับราคาภาพวาดของ Turner นั้น สถิติการซื้อได้ระบุว่า เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2006 ภาพ Giudecca, La Donna della Salute and San Giorgio ของ Turner ได้ถูกนำออกประมูลขายที่ Christie’sในนิวยอร์ก ได้ราคา 1,370 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดสำหรับภาพวาดโดยจิตรกรอังกฤษ และภาพเดียวกันนี้เมื่อครั้งถูกนำออกขายที่ Royal Academy ในปี 1841 ขายได้ในราคาเพียง 19,000 บาทเท่านั้นเอง

************

เกี่ยวกับผู้เขียน

สุทัศน์ ยกส้าน
ประวัติการทำงาน - ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์

ประวัติการศึกษา - ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

อ่านบทความ สุทัศน์ ยกส้าน ได้ทุกวันศุกร์

*********

สำหรับผู้สนใจต่อยอดความรู้ หนังสือ "สุดยอดนักผจญภัย" โดย ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน มีวางจำหน่ายแล้วในราคาเล่มละ 250 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น