ม.วลัยลักษณ์ - นักวิจัยมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์สร้างเครื่องกำจัดมอดและไข่มอดในไม้ยางพารา ด้วยเทคโนโลยีไมโครเวฟ เครื่องแรกของเมืองไทย ช่วยบริษัทส่งออกอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา แก้ปัญหาการส่งสินค้าไปสหภาพยุโรป
นายไพรวัลย์ เกิดทองมี นักวิทยาศาสตร์ของศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ไม้ยางพาราแปรรูป เป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าหลายพันล้านบาท ซึ่งผลิตภัณฑ์ไม้ยางก่อนส่งออกจะต้องกำจัดมอดกินไม้ให้หมดสิ้น หากถูกตรวจพบมอดในไม้ยางพาราแปรรูป สินค้าทั้งหมดจากถูกตีกลับจากประเทศปลายทาง ซึ่งการกำจัดมอดในไม้ยางพารามักใช้วิธีรมสารเคมี ใช้เวลานาน และถูกต่อต้านจากหลายประเทศ อีกทั้งสารเคมีที่ใช้กันเกี่ยวข้องกับการทำให้โลกร้อน
ดังนั้น การพัฒนาเครื่องกำจัดมอดในไม้ยางพาราด้วยเทคโนโลยีไมโครเวฟ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ซึ่งนายไพรวัลย์และนายพันธุ์ศักดิ์ เกิดทองมี นักศึกษาปริญญาเอก สาขาฟิสิกส์ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ และนายธรรมนูญ ศรีน่วม นักศึกษาปริญญาโท สาขาฟิสิกส์ จากสำนักวิชาเดียวกัน จึงคิดวิธีแก้ปัญหาดังกล่าว
พวกเขาได้ร่วมกันสร้าง “เครื่องกำจัดตัวมอดและไข่มอดในไม้ยางพารา” โดยการนำเทคโนโลยีไมโครเวฟ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสะอาด (Green technology) และไม่มีอันตรายและสารตกค้างมาช่วยในการกำจัดมอดและไข่มอดในอุตสาหกรรมไม้ยางพารา โดยมี ผศ.ดร.หมุดตอเล็บ หนิสอ หัวหน้าหน่วยวิจัยพลาสมาประยุกต์เพื่อการกสิกรรม สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์เป็นที่ปรึกษา
สำหรับเครื่องกำจัดตัวมอดฯ มีขนาดกำลังไมโครเวฟ 72 กิโลวัตต์ (kW) ขนาดของห้องให้ความร้อน กว้าง-ยาว-สูงด้านละ 2 เมตร สามารถใส่ไม้ยางพาราได้ครั้งละประมาณ 1,000 กิโลกรัม และใช้เวลาในการทำลายมอดและไข่มอดประมาณ 10 นาที ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 60 องศาเซลเซียส โดยการพัฒนาเครื่องกำจัดมอดด้วยไมโครเวฟดังกล่าวถือเป็นเครื่องแรกที่มีกำลังไมโครเวฟสูงสุดสำหรับการทำลายมอดและไข่มอด ในระดับอุตสาหกรรมที่เคยมีในประเทศไทย
นายไพรวัลย์ เกิดทองมี กล่าวต่อไปอีกว่า จุดเริ่มต้นของการสร้างเครื่องดังกล่าวเกิดจากความต้องการกำจัดมอดในไม้ยางพาราของ บริษัท แปลนครีเอชั่น จำกัด จ.ตรัง ซึ่งเป็นบริษัทผลิตของเล่นสำหรับเด็กยี่ห้อ “แพลนทอยส์” (PlanToys) เขาจึงได้ทำการพัฒนาเครื่องกำจัดมอดและนำไปทดลองใช้ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและไม่มีอันตรายต่อเด็ก
นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทสามารถแก้ปัญหาการส่งสินค้าไปยังสหภาพยุโรปซึ่งห้ามการใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงอีกด้วย ทั้งนี้ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีไมโครเวฟดังกล่าว สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.)ได้ให้ค่าตอบแทนเทคโนโลยีกับมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จำนวน 450,000 บาท ความสำเร็จดังกล่าวนับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีไมโครเวฟกำลังสูงสำหรับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย
ด้าน ผศ.ดร.หมุดตอเล็บ หนิสอ ในฐานะหัวหน้าหน่วยวิจัย หน่วยวิจัยพลาสมาประยุกต์เพื่อการกสิกรรม ม.วลัยลักษณ์และที่ปรึกษากล่าวเสริมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การนำเทคโนโลยีไมโครเวฟมาใช้ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเครื่องเครื่องกำจัดตัวมอดและไข่มอดในไม้ยางพาราเป็นตัวอย่างหนึ่งที่จะแก้ปัญหามอดในไม้ยางพาราได้เป็นอย่างดีและมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย
ทั้งนี้ในส่วนของหน่วยวิจัยพลาสมาประยุกต์เพื่อการกสิกรรม มีการทำวิจัยเกี่ยวกับฟิสิกส์และวิศวกรรมของคลื่นไมโครเวฟกำลังสูงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 โดยได้รับทุนสนับสนุนจากเครือข่ายสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาภาคใต้ตอนบน สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ของไทย(ThEP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสถาบันวิจัยพัฒนา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
“ที่ผ่านมาเราได้ตีพิมพ์บทความวิจัย 7 เรื่อง นำเสนอในที่ประชุมทางวิชาการ 24 เรื่อง และกำลังยื่นและยื่นจดอนุสิทธิบัตรและสิทธิบัตรรวม 5 เรื่อง โดยมีเทคโนโลยีไมโครเวฟที่ใช้ประโยชน์ได้แล้ว เช่น การอบแห้งผลผลิตการเกษตรต่างๆ เช่น ปลา ผักสมุนไพร ข้าวพอง รังนกแอ่น ลูกเดือย การแยกสปอร์ของเชื้อรา เป็นต้น” ผศ.ดร.หมุดตอเล็บกล่าว
ปัจจุบันห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีพลาสมากำลังพัฒนาเทคโนโลยีไมโครเวฟสำหรับการเกษตรอินทรีย์เพื่อสกัดสารที่มีประโยชน์จากพืชสมุนไพร การสกัดน้ำหอมจากดอกไม้ โดยไม่ใช้สารเคมีตัวทำละลาย และการพัฒนาเทคโนโลยีไมโครเวฟเพื่อการสังเคราะห์วัสดุนาโนเชิงฟังก์ชัน โดยจะร่วมมือกับหน่วยวิจัยเทคโนโลยีโมเลกุล ม.วลัยลักษณ์ และสถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และบริษัทแฮนด์ฮาเวสต์ จังหวัดเชียงใหม่ อีกด้วย