นักวิจัยศึกษา "เอิตซี" มนุษย์น้ำแข็งซึ่งร่างอายุกว่า 5,000 ปีของเขาถูกที่พบ ณ เทือกเขาแอลป์เมื่อ 21 ปีก่อน แล้วพบว่าเขาอาจเสียชีวิตจากโรคหัวใจและยังแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมด้วย อีกทั้งยังมีผมและตาเป็น "สีน้ำตาล"
หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลดิบที่ได้จากการศึกษาลำดับพันธุกรรมในดีเอ็นเอของ "เอิตซี" (Oetzi) มนุษย์น้ำแข็ง เอเอฟพีระบุว่านักวิจัยได้ค้นพบว่ามนุษย์น้ำแข็งอายุ 5,300 ปีที่ค้นพบ ณ เทือกเขาแอลป์ในอิตาลีนี้มีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ และและมีอาการแข็งตัวของหลอดเลือดแดงอาร์เทอรี (arteries) ขณะที่เขาถูกฆ่า
อัลเบิร์ต ซิงค์ (Albert Zink) นักมนุษยวิทยา และแอนเดรีย เคลเลอร์ (Andreas Keller) ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวสารสนเทศ กล่าวว่าการพบหลักฐานเกี่ยวกับแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะเป็นโรคหัวใจในชวงชีวิตของเอิตซีนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก และชี้ว่าโรคหลอดเลือดหัวใจนั้นไม่เกี่ยวกับรูปแบบการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน โดยพวกเขาจะนำข้อมูลนี้ไปช่วยในการศึกษาต่อว่าโรคดังกล่าวมีพัฒนาการอย่างไร
การค้นพบดังกล่าวนี้เป็นผลงานของสถาบันมัมมีและมนุษย์น้ำแข็ง (Institute for Mummies and the Iceman) ของวิทยาลัยยูโรเปียนบอลซาโน (European Academy of Bolzano) ในอิตาลี ร่วมกับมหาวิทยาลัยทูบิงเกน (Tuebingen University) และมหาวิทยาลัยซาร์แลนด์ (Saarland University) ในเยอรมนี ซึ่งได้ตีพิมพ์เผยแผร่งานวิจัยลงวารสารเนเจอร์คอมมูนิเคชันส์ (Nature Communications)
งานวิจัยดังกล่าวยังชี้ด้วยว่าบรรพบุรุษของเอิตซีอพยพมาจากตะวันออกกลางเนื่องจากพันธุกรรมของพวกเขาคล้ายคลึงกับมนุษย์ปัจจุบันที่อาศัยอยู่ในเกาะและพื้นที่อันห่างไกลอย่าง ซาร์ดิเนีย (Sardinia) และ คอร์ซิกา (Corsica) อีกทั้งยังยืนยันด้วยว่า เอิตซีมีดวงตาและผมสีน้ำตาล และยังแพ้ผลิตภัณฑ์จากนม
ร่างของเอิตซีถูกพบเมื่อเดือน ก.ย.1991 บนภูเขาเอิตซทัลแอลป์ในเซาท์ไทรอลทางตอนเหนือของอิตาลี โดยนักไต่เขาชาวเยอรมัน 2 คน และสถานที่พบดังกล่าวจึงเป็นที่มาของชื่อเรียกของเขา นอกจากนี้งานวิจัยยังเผยด้วยว่าเขาเสียชีวิตอย่างทรมานจากการถูกลูกธนูปักเข้าหลอดเลือดสำคัญ
ทั้งนี้เชื่อว่าเขาเสียชีวิตเมื่อมีอายุประมาณ 45 ปี โดยเขาสูงประมาณ 160 เซนติเมตรและหนัก 50 กิโลกรัม ตอนนี้ร่างของเขาถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีเซาท์ไทรอล (South Tyrol Museum of Archaeology) ในบอลซาโน อิตาลี
