แพทย์แผนไทยนำอาหารเสริม สกัดจาก “ไข่แดง-ผลมะตูม” คว้ารางวัลสิ่งประดิษฐ์จากเจนีวา ชูจุดเด่นลดนำเข้า “เลซิติน” ผสมสารสกัดจากผลมะตูมสมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์ “ปลุกไฟธาตุ” ด้าน วช.เผยอยากให้คนไทยใช้อาหารเสริมของคนไทยที่มีคุณภาพไม่ต่างจากของต่างประเทศ และอยากให้ต่อยอดสู่ต่างประเทศได้
แพทย์แผนไทย บุณยพร ยี่มี และ แพทย์แผนไทยหญิง วรีวรรณ รัตรสาร ร่วมกันพัฒนาอาหารเสริมจากไข่แดงและผลมะตูม คว้ารางวัลเหรียญทองจากเวทีประกวดสิ่งประดิษฐ์อินเตอร์เนชันนัล เอกซิบิชัน ออฟ อินเวนชันออฟเจนีวา (International Exhibition of Invention of GENEVA) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 เม.ย.54 ณ เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
แพทย์แผนไทย บุณยพร กล่าวว่าอาหารเสริมดังกล่าวมี “เลซิติน” ที่สกัดได้จากไข่แดง ซึ่งสารอาหารดังกล่าวนั้นไทยต้องนำเข้าเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ดังนั้น การผลิตเองได้จึงช่วยประเทศชาติในการประหยัดเงินได้มาก อีกทั้งกระบวนการสกัดสารยังไม่ใช้สารเคมี และยังได้น้ำมันไข่แดงที่ปราศจากคอเลสเตอรอล
ด้านแพทย์แผนไทยหญิงวรีวรรณ กล่าวว่า อาหารเสริมนี้ได้รับรางวัลเพราะใช้สมุนไพรไทย ซึ่งได้ใช้สารสกัดจากเม็ดผลมะตูม ที่มีฤทธิ์ตามตำราแผนยาโบราณ คือ “ปลุกไฟธาตุ” โดยมีส่วนช่วยฟื้นฟูสร้างอินซูลิน ต้านไวรัส ต้านแบคทีเรีย ช่วยทำให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง ทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ และจะทำงานเสริมกันกับสารอาหารจากไข่แดง
ทั้งนี้ แพทย์แผนไทยทั้ง 2 คนได้ร่วมกันพัฒนาอาหารเสริมดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปีในการปรับปรุงสูตร แต่ไม่ได้ทดลองในสัตว์หรือคน หากแต่ได้นำไปใช้กับผู้ป่วยในคลีนิกแพทย์แผนไทยใน จ.ระยอง และหลังจากได้รับรางวัลแล้วได้นำผลงานนี้ไปหารือกับ ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อส่งเสริมผลงานต่อไป
ระหว่างงานแถลงข่าวเรื่อง “แพทย์แผนไทยคว้าเหรียญทองผลงานประดิษฐ์จากเจนีวา” เมื่อวันที่ 27 เม.ย.54 ณ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อาคารมณียา ศ.นพ.สุทธิพร ได้กล่าวว่า ทาง วช.อยากจะส่งเสริมให้คนไทยได้ช่วยกันใช้อาหารเสริมซึ่งเป็นผลงานของคนไทยให้มากขึ้น และถ้าเป็นไปได้อยากให้ต่อยอดผลงานนี้ออกไปสู่ต่างประเทศได้
สำหรับการประกวดดังกล่าวมีผู้ส่งผลงาน 765 รายจาก 45 ประเทศ และมีผลงานประกวดมากกว่า 1,000 ชิ้น ซึ่งมี 4 ประเทศที่ได้รับรางวัลทางด้านอาหารเสริม โดยผลงานของไทยได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญทอง และเยอรนีได้รับรางวัลอันดับ 2 สวิตเซอร์แลนด์ ได้รับรางวัลอันดับ 3 และ อิตาลีได้รับรางวัลชมเชย