xs
xsm
sm
md
lg

"อภิสิทธิ์" ระบุงานวิจัยกระจัดกระจาย จนไม่อาจใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับมือกับ นักวิจัยไซเบอร์ เป็นสัญลักษณ์เปิดงาน
"อภิสิทธิ์" เปิดงาน 50 ปี วช. บอกผลักดันและขับเคลื่อนงานวิจัยให้พัฒนาไม่ได้ หากสังคมไม่เห็นความสำคัญ ระบุไทยมีทรัพยากรจำกัด ต้องกำหนดทิศทางวิจัยเพื่อตอบโจทย์สังคม อีกทั้งงานวิจัยยังกระจัดกระจายและไม่ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันมองโจทย์วิจัย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานสภาวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงาน วันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ครบรอบ 50 ปี ณ ห้องประชุมจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 ต.ค.52 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "การวิจัย นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน"

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับข้าราชการ วช.และผู้เข้าร่วมพิธีเปิดว่า ทุกคนคงตระหนักดี ถึงความสำคัญของงานวิจัย การสร้างองค์ความรู้และการนำงานวิจัยไปใช้ ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ และปัจจุบันการด้านเศรษฐกิจและด้านต่างๆ ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานความรู้ ซึ่งรัฐบาลเองมีนโยบายที่ชัดเจนในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งต้องใช้ความรู้เป็นพื้นฐาน

"น่าสนใจว่า การก่อตั้งสภาวิจัยแห่งชาตินั้นเกิดขึ้นพร้อมๆ กับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และสภาการศึกษา แต่คนส่วนใหญ่ล้วนให้ความสนใจในการทำงานของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า แต่ถ้าย้อนไปดูประเทศต่างๆ ที่มีความก้าวหน้า จะพบว่างานด้านการวิจัยและศึกษาควรได้รับความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในการเป็นพื้นฐานพัฒนา" นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า คนไทยโชคดีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นความสำคัญของงานวิจัยและทรงพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยงานวิจัย ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ก.ย.52 ที่ได้นำคณะกรรมการและองค์กรการประดิษฐ์ของนานาชาติเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลการประดิษฐ์คิดค้น ณ วังไกลกังวล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ และองค์กรต่างๆ ว่า งานวิจัยมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ

"ถ้าเราน้อมนำพระราชดำรัสมาปฏิบัติ โดยให้งานวิจัยเป็นฐานในการพัฒนาคิดว่าจะทำให้งานวิจัยเข้มแข็ง แต่จากการประเมินของคนภายนอก ไทยยังมีปัญหาอย่างชัดเจน เช่น สัดส่วนการลงทุนวิจัยและพัฒนาซึ่งต่ำมาก ประมาณ 0.25% ของจีดีพี และบุคลากรด้านการวิจัยยังน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนประชากร คือนักวิจัยเพียง 6 คนต่อประชากร 10,000 คน เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศแล้ว บางตัวชี้วัดของเรายังห่างไกลมาก" นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายกรัฐมนตรียืนยันแนวคิดที่จะเดินหน้าและขับเคลื่อนให้การวิจัยและพัฒนาของไทยก้าวหน้า แต่เรื่องนี้จะทำไม่ได้หากสังคมไม่เห็นคุณค่างานวิจัย และไทยมีทรัพยากรจำกัด ดังนั้นในการวิจัยและพัฒนาจึงต้องกำหนดทิศทางที่ตอบโจทย์ปัญหาของสังคมทั้งในปัจจุบันและอนาคต

อีกทั้ง เรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่างานวิจัยกระจัดกระจายและไม่ถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาครัฐและเอกชนจึงต้องร่วมกันมองโจทย์วิจัยที่จะตอบปัญหาของสังคม พร้อมทิ้งท้ายว่านอกจาก วช.จะขับเคลื่อนงานวิจัยเองแล้ว ยังต้องประสานให้เกิดการขับเคลื่อนจากภาคส่วนอื่นด้วย

สำหรับงานวันคล้ายวันสถาปนา วช.นี้มีการเสวนาทางวิชาการ อาทิ "3 สภากับความก้าวหน้าของประเทศ" โดยตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา "อยู่อย่างไรให้สุขภาพดี" โดยแพทย์จากชมรมอยู่ร้อยปี ชีวีเป็นสุขและโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า เป็นต้น

พร้อมกันนี้ภายในงานมีนิทรรศการแสดงผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก วช. และการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคราคาประหยัด (ร้านค้าธงฟ้า) ภายในบริเวณพื้นที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ โดยงานจัดถึงวันที่ 30 ต.ค.52 ณ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับของที่ระลึกจากนายธีระ สูตะบุตร ประธานคณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ซ้าย) และ นายธีระ สูตะบุตร (ขวา)
กำลังโหลดความคิดเห็น