รายงานตรงจาก “จินซาน” หนึ่งในเมืองที่จะได้เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงนานที่สุดในศตวรรษ แต่น่าเสียดายท้องฟ้ามีเมฆมาก ในช่วงคราสกินเต็มดวง แต่ผู้เฝ้าชมก็ยังสามารถสัมผัสบรรยากาศ “อาทิตย์ดับ” ได้
ผู้สื่อข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานตรงจาก เฉิงซื่อซาทัน (สวนริมชายหาด) เขตจินซาน นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มีกำหนดการเสด็จทอดพระเนตรปรากฎการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง
ทั้งนี้ แม้ว่าสภาพอากาศจะมีเมฆมากในช่วงแรกของปรากฎการณ์ แต่ก็พอจะสามารถมองเห็นได้บ้าง ในเวลา 08.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นที่เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ได้สังเกตเห็นคราสบังไปแล้ว 15%
จากนั้นพอสังเกตได้บ้างไม่ได้บ้าง จนกระทั่งในเวลา 09.38 น.ซึ่งเป็นเวลาที่คราสกินดวงอาทิตย์เต็มที่ และใช้ระยะเวลายาวนานที่สุดในรอบศตวรรษ แต่ผู้ที่เฝ้าชมปรากฏการณ์รอบบริเวณสวนสาธารณะดังกล่าวก็ไม่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์ จนสิ้นสุดปรากฏการณ์ในประมาณ 10.00 น. ฝนก็โปรยลงมา ทำให้ไม่สามารถชมดวงอาทิตย์ได้ เช่นเดียวกับที่กรุงเทพฯ
พร้อมกันนี้ สถาบันดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ได้ตั้งกล้องสังเกตและปรากฏการณ์ และเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ระหว่างเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาด้วย
สำหรับปรากฏการณ์สุริยุปราคาครั้งนี้เป็นสุริยุปราคาแบบเต็มดวง โดยมีแนวคราสพาดผ่านบางส่วนของประเทศอินเดีย จีน ญี่ปุ่น และมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ซึ่งนับเป็นสุริยุปราคาเต็มดวงที่ยาวนานที่สุดในศตวรรษที่ 21 โดยช่วงระยะเวลาเต็มดวงยาวนานถึง 6 นาที 39 วินาที ซึ่งที่สังเกตได้ยาวนานที่สุดคือบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้
ส่วนประเทศไทยมองเห็นปรากฏการณ์เป็นเพียงสุริยุปราคาบางส่วน ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ทุกภูมิภาค โดยพื้นที่ที่สังเกตเห็นปรากฏการณ์ได้ยาวนานที่สุด คือ ที่จังหวัดเชียงราย นานถึง 2 ชั่วโมง 12 นาที ซึ่งดวงอาทิตย์จะบดบังดวงจันทร์ 69%
อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์สุริยุปราครั้งต่อคือวันที่ 15 ม.ค.53 โดยจะเป็นปรากฏการณ์แบบเต็มดวงในเคนยา มหาสมุทรอินเดีย ศรีลังกา อ่าวเบงกอล พม่า และจีน โดยไทยจะได้ชมเป็นเพียงบางส่วนเช่นเดิม แต่จะเห็นการบดบังได้มากถึง 77% และสภาพท้องฟ้าอากาศในช่วงหน้าหนาวจะมีทัศนวิสัยที่ดีต่อการชมมากกว่าในช่วงฤดูฝนเช่นนี้
ส่วนในพื้นที่ประเทศไทยจะมีโอกาสได้ชมสุริยุปราคาเต็มดวงอีกครั้งใน 61 ปีข้างหน้า โดยจะเกิดขึ้นในวันที่ 11 เม.ย.2613