บีบีซีนิวส์/เอพี - "เวอร์จินแอตแลนติก" เติมไบโอดีเซลจากน้ำมันจากมะพร้าวและปาล์มให้โบอิง 747 บินข้ามประเทศจากลอนดอนไปอัมสเตอร์ดัม ตามแผนลดการปล่อย "คาร์บอน" ของสายการบิน นับเป็นครั้งแรกของเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ที่ใช้พลังงานชีวภาพ
สายการบินเวอร์จินแอตแลนติก (Virgin Atlantic) ได้เติมไบโอดีเซลให้กับเครื่องบินโบอิง 747 ทดลองบินจากสนามบินฮีโธรว์ (Heathrow Airport) ในลอนดอน ประเทศอังกฤษไปยังสนามบินสคิปโพล (Schiphol Airport) ในอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.51 ที่ผ่านมา
1 ในถังเชื้อเพลิงทั้ง 4 ของเครื่องบินโบอิงได้เติมเชื้อเพลิงที่เป็นส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าวและปาล์มบาบาสสุ 20% กับเชื้อเพลิงปกติของเครื่องบินเจ็ทอีก 80% นับเป็นเที่ยวบินแรกในโลกของสายการบินพาณิชย์ที่ทดลองใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ แต่ในเที่ยวบินดังกล่าวไม่มีผู้โดยสารนอกจากกัปตันและช่างเทคนิคอีก 2-3 คน
"ความก้าวหน้าในครั้งนี้จะช่วยให้เครื่องบินของเวอร์จินแอตแลนติกบินได้โดยใช้พลังงานสะอาดได้เร็วกว่าที่คาดไว้" คำกล่าวของเซอร์ริชาร์ด แบรนสัน (Sir Richard Branson) ประธานกลุ่มกิจการเวอร์จินกล่าวก่อนที่โบอิงจะบินทดสอบข้ามประเทศ
เขายังกล่าวว่าเที่ยวบินนี้จะให้ความรู้ที่สำคัญว่า เราสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมาก และไม่จำเป็นต้องดัดแปลงเครื่องยนต์ของโบอิงเพื่อใช้เชื้อเพลิงชีวภาพเลย
ด้านพอล ชาร์ลส (Paul Charles) โฆษกของสายการบินคาดว่าเชื้อเพลิงชีวภาพนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าเชื้อเพลิงปกติของเครื่องบินเจ็ต แต่ยังต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากเที่ยวบินนี้
ทั้งนี้เชื้อเพลิงชีวภาพซึ่งได้เอทานอลและดีเซลที่มาจากพืชนั้น เป็นหนึ่งในหลายๆ ทางเลือกที่จะทดแทนเชื้อเพลิงเหลวที่ได้ปิโตรเลียมเพื่อใช้สำหรับการขนส่ง ซึ่งกิจกรรมหลังนี้ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 1 ใน 4 ของกิจกรรมมนุษย์ทั้งหมด
อีกทั้งอุตสาหกรรมการบินก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น ถึงการเป็นตัวการสำคัญในการก่อภาวะโลกร้อน และยิ่งมากขึ้นมากเมื่อผู้คนสามารถโดยสารเครื่องบินราคาถูกหรือโลว์คอสที่ใช้น้ำมันก๊าดเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งนักสิ่งแวดล้อมระบุว่าเป็นสาเหตุของการปลดปล่อยคาร์บอนตัวฉกาจ
อย่างไรก็ดีมีความพยายามในการลดการปล่อยคาร์บอนของสายการบินในหลายรูปแบบ ทั้งการหาเชื้อเพลิงทางเลือกสำหรับเครื่องบินเจ็ต การพัฒนาเครื่องที่สามารถเผาพลาญเชื้อเพลิงให้ช้าลง และการเปลี่ยนวิธีลงจอดของเครื่องบิน
สำหรับการทดลองเที่ยวบินเชื้อเพลิงชีวภาพนี้เป็นความร่วมมือของเวอร์จินแอตแลนติกกับโบอิง (Boeing), เจนเนอรัลอิเล็กทริก (General Electric) และอิมพีเรียลรีนิวเอเบิล (Imperial Renewable) ซึ่งการทดลองยังเข้ามาในจังหวะที่น้ำมันราคาสูงขึ้นและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากำลัง ชะลอตัว รวมถึงการส่งเสริมการรวมกำลังกันของอุตสาหกรรมการบิน
นักวิเคราะห์บางรายระบุว่าครั้งนี้เป็นการทดสอบที่มีประโยชน์ยิ่ง แต่บางรายวิจารณ์ว่าเป็นเพียงการโฆษณาเสี่ยงตายของสตันท์ (ตัวแสดงแทน) และชี้ว่านักวิทยาศาสตร์ต่างตั้งคำถามถึงผลประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมของเชื้อเพลิงชีวภาพ
เจมส์ ฮาลสตีด (James Halstead) นักวิเคราะห์สายการบินจากตัวแทนบริษัทซื้อขายหุ้นดอว์เนย์ เดย์ ล็อคฮาร์ต (Dawnay Day Lochart) ในลอนดอน กล่าวว่าเป็นเรื่องดีที่คนอย่างเซอร์ริชาร์ดจะใช้เงินหลายพันล้าน เพื่อการทดลองที่มีเป้าหมายลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจากกิจการสายการบิน แต่ก็ยังมีคำถามที่รอคำตอบจำนวนมากถึงประโยชน์ของเชื้อเพลิงชีวภาพที่จะต่อสู้กับภาวะโลกร้อน
ส่วนเคนเนธ ริชเตอร์ (Kenneth Richter) นักรณรงค์สิ่งแวดล้อมด้านสายการบินจากกลุ่มเฟรนด์สออฟดิเอิร์ธ (Friends of the Earth) กล่าวว่าหากเวอร์จินมีความจริงจังในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมการบินจริงก็ควรสนับสนุนข้อเรียกร้องให้สายการบินจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าไปอยู่ในกฎหมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
ขณะที่แอนดรูว บอสเวลล์ (Andrew Boswell) ผู้รณรงค์ของกลุ่มล็อบบีไบโอฟิวล วอต์ช (Biofuel Watch) และอดีตนักเคมี กล่าวว่าริชาร์ด แบรนสันกำลังสร้างความผิดพลาดครั้งใหญ่ในการสนับสนุนเชื้อเพลิงชีวภาพเพราะนั่นหมายถึงเชื้อเพลิงจำนวนมหาศาลที่เราต้องผลิต
เขาระบุอีกว่าเป็นความไม่ยั่งยืนที่จะพยายามชดเชยการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยเชื้อเพลิงชีวภาพ เพราะไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับเพาะปลูกทั้งพืชอาหารและพืชพลังงาน