xs
xsm
sm
md
lg

Vincent van Gogh : จิตรกรอัจฉริยะผู้อาภัพ (จบ)

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน


เมื่อถึงวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2433 van Gogh ได้ใช้ปืนยิงตัวตายที่หน้าอกขณะอยู่ในทุ่งนานอกเมือง Auvers - sur Oise แต่กระสุนมิได้ทะลุหัวใจ เขาจึงเดินโซเซกลับบ้านพัก แล้วขึ้นไปนอนพักในห้องเล็กๆ ใต้เพดาน และให้คนส่งข่าวให้ Theo รู้ ซึ่งเมื่อทราบก็ได้เดินทางจากปารีสมาอยู่เป็นเพื่อนทันที และเมื่อแพทย์ที่ได้รับเชิญมาดูบาดแผลบอกว่า แพทย์มิสามารถผ่าเอากระสุนออกได้ Theo ได้จึงบอกพี่ชายว่า พี่ได้ทนทุกข์มามากแล้ว ต่อจากนี้พี่จะได้หมดทุกข์เสียที แต่ van Gogh ก็บอกว่า ทุกข์ของตนไม่เคยหมด จากนั้นก็หายใจเร็วๆ พร้อมปิดตาและอีก 2-3 นาทีเขาก็สิ้นใจ ในวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2433 ขณะอายุ 37 ปี

โลงศพของ van Gogh ที่มีดอกทานตะวันประดับเต็มถูกนำไปฝัง ในขบวนแห่ศพมีคนถือเก้าอี้ที่เขาเคยนั่งวาดภาพเดินตาม ถึงขณะมีชีวิตอยู่ แทบไม่มีใครยอมรับความเป็นอัจฉริยะของ van Gogh แต่เมื่อถึงวันนี้เทคนิค และสไตล์การวาดภาพของเขาได้รับการยกย่องว่ามีอิทธิพลมาก เพราะเขา คือ ผู้จุดประกายสไตล์การวาดแบบ Expressionism ที่แสดงอารมณ์ให้รู้ว่า ภาพคือส่วนหนึ่งของชีวิต และชีวิตก็คือภาพที่ต่อเนื่องอย่างชนิดแยกจากกันไม่ได้ ทั้งๆ ที่ขณะมีชีวิตอยู่ van Gogh แทบไม่มีมนุษยสัมพันธ์กับใคร และใช้ภาพแสดงออกซึ่งความรู้สึกลึกๆ ของตน ด้วยสไตล์แปรงที่พลิ้วปาดป้ายสีที่หนา และบีบสีจากหลอดสดๆ ไปบนผืนผ้า จนสีหนานูนบนผืนผ้าวาด เพื่อให้ทุกคน ณ วันนี้รู้ความรู้สึกรุนแรงของคนวาด เราก็พบว่าเขาทำได้อย่างน่าชื่นชม

หลังจากที่ van Gogh ตายไป Theo ได้เก็บรวบรวมจดหมายหลายร้อยฉบับที่ van Gogh เขียนและภาพที่ van Gogh วาดในบ้านที่ Paris และเมื่อ Theo ตายในเดือนมกราคม พ.ศ. 2434 ภรรยาของเขาได้มอบภาพทั้งหมดให้ลูก เพื่อเผยแพร่ให้โลกรู้จักลุงผู้อาภัพของตน

ประวัติของจิตรกรผู้อาภัพคนนี้ได้ระบุว่า ตลอดชีวิตเขาขายภาพได้เพียงภาพเดียว ส่วนภาพที่สองที่ขายได้นั้น ผู้ซื้อคือน้องชายซึ่งสงสารพี่มาก และภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของ van Gogh คือ ภาพเหมือนของคนวาด ภาพดอกทานตะวัน ภาพทิวทัศน์ที่แสดงท้องฟ้า และดาวชื่อ Starry Night กับภาพ Portrait of Dr. Gachet ที่เศรษฐีญี่ปุ่นชื่อ Ryoei Saito ซื้อในปี 2533 ด้วยราคา 82.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนนั้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2530 ภาพดอกทานตะวันของ van Gogh ก็เคยทำสถิติขายได้ในราคา 39.9 ล้านเหรียญ ส่วนภาพดอก Iris ริมทางนั้นก็เคยขายได้ถึง 53.9 ล้านเหรียญ ทั้งหลายทั้งปวงเพราะงานจิตรกรรมของเขาเป็นที่ชื่นชม และเป็นที่ต้องการของคนทั้งโลกนั่นเอง

ณ วันนี้ ที่กรุง Amsterdam มี van Gogh Museum ซึ่งนำภาพวาดของ van Gogh ออกแสดงเป็นจำนวนมากที่สุดกว่า 200 ภาพ จากที่ van Gogh วาดไว้ประมาณ 1,700 ภาพ พิพิธภัณฑ์นี้ยังจัดแสดงจดหมายที่ van Gogh เขียนถึง Theo ด้วย สำหรับสถิติการเข้าชมในปี 2546 นั้นปรากฏว่า มีคนไปเยือนถึง 1.3 ล้านคน ส่วนด้านภาพยนตร์ก็ปรากฏว่าในปี 2499 ฮอลลีวูดได้สร้างภาพยนตร์ชื่อ Lust for Life ซึ่งเกี่ยวกับชีวิตที่น่าสงสารของจิตรกรผู้สงสาร van Gogh คนนี้ ผู้ได้เคยกล่าวว่า How rich art is, if one can only remember what one has seen, one is never without food for thought or truly lonely, never alone.

เมื่อวันอังคารที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ พิพิธภัณฑ์ Thyssen Bornemisza ในกรุง Madrid แห่งสเปน ก็ได้จัดงานแสดง van Gogh : The Final Landscapes ซึ่งจะเปิดแสดงจนถึงวันที่ 16 กันยายน ศกนี้ โดยนำภาพที่ van Gogh วาดในเวลา 2 เดือน ก่อนฆ่าตัวตายออกแสดงทั้งหมด 72 ภาพ และ 30 ภาพที่นำออกแสดงเป็นภาพลายเส้น

เป็นที่น่าสังเกตว่าถึง van Gogh จะจากโลกไปนานถึง 117 ปีก็ตาม แต่โลกก็ยังลุ่มหลง และตื่นเต้นกับข่าวการซื้อ - ขายภาพของเขาตลอดเวลา นอกจากข่าวธุรกิจศิลป์นี้แล้ว ข่าวการพบภาพที่มีคนอ้างว่าเป็นภาพวาดของ van Gogh ก็น่าตื่นเต้นเช่นกัน เช่น เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ National Gallery ของ Australia ซึ่งมีภาพ Head of a Man ในครอบครองเป็นเวลากว่า 70 ปี ได้รับการพิสูจน์ว่ามิใช่ภาพ van Gogh วาด แต่เป็นภาพของจิตรกรคนอื่นที่วาดเลียนแบบ van Gogh

และในเวลาไล่เลี่ยกันที่ Museum of Fine Arts ในกรุง Boston สหรัฐอเมริกา Meta Chavannes, เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ได้เปิดเผยว่า ภาพ “The Ravine” ที่ van Gogh วาดในปี 2432 เป็นภาพที่ van Gogh วาดทับภาพ “Wild Vegetation” โดยเธอได้พบความจริงนี้ จากการใช้รังสีเอ็กซ์ศึกษาภาพ “The Ravine” และได้เห็นภาพสเกตช์ “Wild Vegetation” แอบแฝงอยู่ข้างล่างครับ

สุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท


กำลังโหลดความคิดเห็น