xs
xsm
sm
md
lg

Redwood : ต้นไม้ยักษ์ (1)

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

ต้น Redwood
วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิของปี 2395 ขณะ A.T. Dowd เดินป่าล่าหมีที่ Calvares County ในรัฐ California เขาได้หลงทางพลัดแยกจากเพื่อน ๆ และหลังจากที่เดินอยู่คนเดียวเป็นเวลานานเขารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่งที่สูงราว 90 เมตร จึงลืมล่าหมีไปสนิท ครั้นพบเพื่อนเขาได้เล่าเหตุการณ์มีต้นไม้ยักษ์ขึ้นในป่าให้เพื่อนๆ ฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อ เขาจึงต้องนำเพื่อนไปดูด้วยตา แล้วทุกคนก็ประจักษ์ว่า ป่า Calvares คือ ถิ่นที่มีต้นไม้ยักษ์ redwood ขึ้นมากมาย

แต่ Dowd มิได้เป็นมนุษย์คนแรกที่รายงานเรื่องต้นไม้ยักษ์ เพราะในปี 2376 Joseph Reddeford Walker ได้เคยรายงานการเห็นต้นไม้ยักษ์ sequoia ในป่า Sierra Nevada นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อ John Lindley ได้เรียกต้นไม้ยักษ์ที่ Walker พบว่า Wellingtion gigentea ตามชื่อของ Duke of Wellington ซึ่งเป็นแม่ทัพอังกฤษผู้พิชิต Napoleon ที่ Waterloo แต่ชาวอเมริกันที่ต่อต้านอังกฤษไม่ชอบชื่อนี้เลย จึงได้ค้นหาชื่อพื้นเมืองมาเรียกแทน และก็ได้พบว่าชาวอินเดียนแดงเผ่า Cherokee รู้จักมันในนาม sequoia ทุกคนจึงใช้ชื่อนี้อย่างเป็นทางการทันที การศึกษาต้นไม้ยักษ์ทั้ง redwood และ sequoia ทำให้นักพฤกษศาสตร์ทุกวันนี้รู้ว่า ต้น redwood เป็นต้นไม้ในวงศ์ Cupressaceae ชนิด Sequoia sempervirens และมีชื่อเรียกทั่วไปว่า redwood ทั้ง ๆ ที่มีใบเขียวตลอดปี และมีอายุยืนมากถึง 2,000 ปี นอกจากนี้ก็เป็นต้นไม้ที่สูงที่สุดในโลกด้วย คือ สูงถึง 116 เมตร โคนต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวถึง 7 เมตร อีกทั้งมีเปลือกสีน้ำตาลแดงที่หนาถึง 30 เซนติเมตร และนี้ก็คือที่มาของชื่อ redwood ส่วนใบมีขนาดต่างๆ กัน โดยใบที่อยู่ส่วนบนของต้นตามปกติจะมีสีเขียวยิ่งกว่าใบที่อยู่ส่วนล่าง เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปทรงรีคล้ายไข่ไก่ และยาวตั้งแต่ 15-32 มิลลิเมตร ส่วนการผสมพันธุ์ในดอกนั้นมักเกิดในปลายฤดูหนาว

สำหรับพื้นที่ป่าที่ต้น redwood ชอบขึ้น คือ พื้นที่ริมมหาสมุทรแปซิฟ”ก ตลอดฝั่งที่ยาว 750 กิโลเมตร และกว้าง 8.75 กิโลเมตร โดยเฉพาะในที่สูงตั้งแต่ 30-750 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เช่น ตามเนินเขาที่มีฝนตกชุก การมีใบที่อุดมด้วยสารประกอบ tannin และใบมักแตกตรงตำแหน่งที่สูงจากพื้นดินมาก ทำให้ต้น redwood ไม่มีแมลงหรือไฟป่ารบกวน

นักชีววิทยาพืชดึกดำบรรพ์ได้วิเคราะห์ฟอสซิลของต้นไม้ยักษ์ จนทำให้เรารู้ว่าในยุค Eocene และ Miocene คือ เมื่อ 30 และ 65 ล้านปีก่อน โลกมีต้นไม้ชนิดนี้แล้ว และนั่นก็หมายความว่า มันเคยมีชีวิตร่วมกับไดโนเสาร์ เช่น pterodactyl, ichthyosaur และ plesiosaur และถึงแม้ dinosaur ได้สูญพันธุ์ไป แต่ต้นไม้ยักษ์ก็ยังอยู่ต่อโดยได้แพร่พันธุ์ และมีพบเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือเท่านั้น การศึกษาโครงสร้างของต้นไม้ยักษ์ที่สูงที่สุดในโลกและที่เกิดก่อนพระพุทธเจ้าทำให้รู้ว่า มันออกดอกในฤดูหนาว ราวปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมีนาคม ดอกมีลักษณะคล้ายดอกสน และดอกจะออกเมื่อต้นมีอายุ 150 ปีขึ้นไป และหลังจากดอกไม้รับการผสมพันธุ์ กว่าดอกจะกลายเป็นผลได้ต้องใช้เวลานานถึง 2.5 ปี ผลจะมีลักษณะเรียวคล้ายกรวย ขณะเติบโตต้นไม้ยักษ์ต้องการแสงแดด ความชื้น และดินที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ คือ ราว 100-200 ปี ต้นจะเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปต้นอ่อนจะเจริญเร็วกว่าต้นแก่ เช่น ต้นอ่อนอาจใช้เวลาเพิ่มความยาวเส้นรอบต้นได้ 3 เซนติเมตร ในเวลา 6 ปี แต่ต้นแก่การจะเพิ่มขนาดเดียวกันต้องใช้เวลานานถึง 40 ปีโดยทั่วไปอัตราการเจริญเติบโตของต้นขึ้นกับปริมาณน้ำและอาหารที่ได้รับ

ตามปกติต้นไม้ยักษ์จะโตเต็มที่เมื่ออายุ 500 - 600 ปี ขณะนั้นยอดของมันจะอยู่สูงจากพื้น ประมาณ 90 เมตร เพราะเนื้อของมันค่อนข้างเปราะ ดังนั้น เวลาพายุพัดรุนแรงต้นก็อาจล้มได้ ต้นไม้ยักษ์ทั่วไปมีอายุตั้งแต่ 700-3,000 ปี จึงนับว่าชีวิตมันยืนนานเท่าวิหาร Parthenon ในกรุง Athens

สุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท
กำลังโหลดความคิดเห็น