กระทรวงวิทย์ยกคาราวานร่วมงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาล ขนกิจกรรมเสริมความรู้มาให้เด็กๆ ได้ดูและทดลองลงมือทำจริงมากมาย ผู้ปกครองไม่ขัดศรัทธา พาลูกหลานมาร่วมงานคับคั่ง น้องๆ ปลื้มวิทยาศาสตร์ สอนให้รู้จักความจริงในโลก เยาวชนสายตาพิการสุดแฮปปี้ ตะลุยดินแดนต้องคำสาป ไขปริศนาสุภาษิตล้างอาถรรพ์
บรรยากาศงานวันเด็กแห่งชาติปีนี้อาจดูหงอยเหงาไปบ้าง แต่เด็กๆ ทุกคนที่ได้มาร่วมกิจกรรมที่บรรดาผู้ใหญ่ในหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ได้จัดเตรียมไว้ให้สำหรับเยาวชนที่ทำเนียบรัฐบาลบริเวณตึกสันติไมตรีก็โกยเอาความรู้และความสุขกับบ้านกันไปเต็มอิ่ม
น้องเต้ ด.ช.ปฏิพล วุฒิประเสริฐ ชั้น ป.4 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ที่วันนี้มีคุณแม่และคุณป้าพามาเที่ยวงานวันเด็กของ วท. บอกว่า งานวันเด็กที่นี่สนุกมาก ปกติก็ชอบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว และชอบทำการทดลองต่างๆ เพราะนอกจากสนุกและยังได้เรียนรู้กระบวนการค้นหาคำตอบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย
"เมื่อกี้นี้ได้ทดลองเอาของเหลวชนิดต่างๆ หยดลงบนใบบัว มีน้ำกับน้ำส้มสายชูที่กลิ้งไปกลิ้งมาบนใบบัวได้ ส่วนน้ำมันและแอลกอฮอลล์ไม่กลิ้ง แต่ทำให้ใบบัวเปียกแทน เพราะทั้ง 2 ชนิดนี้มีสารบางอย่างที่ไปทำลายสารเคลือบผิวบนใบบัว" น้องเต้ พูดถึงกิจกรรมวิทย์แสนมหัศจรรย์ที่เพิ่งทดลองเล่นเมื่อสักครู่ ซึ่งน้องเต้บอกอีกว่า ตั้งใจไว้ว่าเมื่อโตขึ้นจะเป็นนักวิทยาศาสตร์แน่นอน ส่วนจะเป็นสาขาไหนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจเลือก
ส่วนน้องมอส ด.ช.ปราโมทย์ ชื่นขำ ชั้น ป.5 จากโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ ที่พิการทางสายตา แต่มุ่งมั่นอยากจะเป็นนักเคมีในอนาคต
"ชอบเรียนวิทยาศาสตร์ และชอบวิชาเคมีมากที่สุด โตขึ้นอยากเป็นนักเคมี ถึงแม้เราจะมองไม่เห็นและไม่ได้ทำการทดลองที่น่าสนุกต่างๆ แต่เราก็สามารถเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีทางเคมีได้" น้องมอสเผย และยังพูดถึงกิจกรรมในวันนี้ว่าได้เล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่สนุกอย่าง "อัศวินสายฟ้ากับเทพธิดาสุภาษิต" ที่ได้สวมบทเป็นอัศวินที่ต้องจับคู่สุภาษิตไทยให้ถูกต้อง โดยใช้ทักษะการฟังเสียงและความจำ เพื่อช่วยล้างอาถรรพ์ให้กับอาณาจักรต้องคำสาป
อีกหนึ่งเด็กน้อยที่มีความใฝ่ฝันยิ่งใหญ่ น้องบอส ด.ช.ตามตะวัน จันพานิช นักเรียนชั้น ป. 2 ที่มาไกลจาก จ.อ่างทอง พร้อมกับคุณพ่อและพี่ชาย ที่ตั้งใจมาร่วมกิจกรรมวันเด็กกับ วท. โดยเฉพาะ
"เห็นข่าวในโทรทัศน์ว่ากระทรวงวิทย์จะจัดกิจกรรมวันเด็กที่นี่เลยของให้คุณพ่อพามาร่วมงานนี้" น้องบอสบอกถึงความตั้งใจ และหลังจากที่ได้จับมือทักทายกับหุนยนต์นักบินอวกาศก็บอกว่ารู้สึกตื่นเต้นดี
น้องบอสบอกอีกว่าวิทยาศาสตร์ให้ความรู้แก่เรามากมาย เช่น ปัญหาภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นจากอะไร และควรแก้ไขอย่างไร และเมื่อโตขึ้นน้องบอสอยากจะเป็นนักสำรวจป่าไม้และใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ช่วยอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์
ส่วนสาวน้อยชื่อไพเราะว่า ด.ญ.รมิตา จันทร์ฤทธิ์ หรือน้องแพรว ป.3 โรงเรียนพันธะวัฒนา เห็นว่าวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่สอนให้เราได้รู้จักความจริงเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ในโลก จึงชอบเล่นเกมตอบคำถามวิทยาศาสตร์มากที่สุด ส่วนสิ่งที่จุดประกายให้น้องแพรวชอบวิทยาศาสตร์ก็คือแรงดึงดูดของโลก
"โลกมีแรงดึงดูดทำให้เราไม่หลุดลอยไปไหน เหมือนวิทยาศาสตร์ที่มีแรงดึงดูดให้เราสนใจเรียนรู้" น้องแพรวตอบตามความคิดเห็น
นอกจากเยาวชนตัวอย่างเหล่านี้ก็ยังมีเด็กอีกมากหน้าหลายตาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำกิจกรรมต่างๆ และเดินเข้าออกซุ้มนั้นซุ้มนี้อย่างสนุกสนานโดยไม่รู้เบื่อ บางคนเพลิดเพลินจนลืมเวลาอาหารกลางวันไปเลยก็มี จนผู้ปกครองหลายรายต้องจัดแจงให้น้องๆ ได้รับประทานอาหารกลางวันกันบ้าง เพราะหวั่นว่านักวิทย์น้อยจะเป็นโรคกระเพาะอาหารไปเสียก่อน