xs
xsm
sm
md
lg

อ.จุฬาฯ หวั่น"จีเอ็มโอปนเปื้อน"สั่นคลอนเสถียรภาพไทย เร่งสำรวจต่อปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิชาการจุฬาฯ ผู้ตรวจสอบ "ข้าวโพดจีเอ็มโอ" เผย ไม่รู้ข้าวโพดดังกล่าวโผล่มาได้ยังไง แต่ที่แน่ๆ เจอแล้ว เร่งทดสอบหาต้นตอของยีนแปลกปลอม คาดสัปดาห์หน้ารู้ที่มา ยังตั้งเป้าปีหน้าพร้อมลุยเก็บตัวอย่างทดสอบเพิ่มเติม หวั่นหากระบาดไปจนคุมไม่ได้ ไทยอาจสูญทั้งพันธุ์พืชพื้นเมืองและเสียเสถียรภาพด้านอาหาร

จากกรณีมูลนิธิชีววิถี หรือไบโอไทย (BioThai) เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.50 ว่าเจ้าหน้าที่ของไบโอไทยร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตรวจพบว่ามีการปนเปื้อนของข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมหรือจีเอ็มโอ ในพื้นที่เกษตรกรรม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ทางผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้สอบถามรายละเอียดผลการตรวจสอบข้าวโพดดังกล่าวไปยัง ผศ.ดร.ปิยะศักดิ์ ชอุ่มพฤกษ์ อาจารย์ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ร่วมเดินทางไปเก็บตัวอย่างด้วย

ผศ.ดร.ปิยะศักดิ์ เปิดเผยว่า หากมองด้วยตาเปล่าไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นพืชดัดแปลงพันธุกรรมหรือไม่ หากไม่ได้มีลักษณะที่ผิดปกติไปอย่างสิ้นเชิง จึงต้องนำมาเข้ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อตรวจสอบค้นหายีนที่แปลกปลอม ซึ่งไม่มีอยู่ในธรรมชาติของข้าวโพดปกติ ขั้นแรกต้องนำตัวอย่างมาสกัดแยกเอาดีเอ็นเอออกมาก่อน (DNA) จากนั้นเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอโดยใช้เทคนิคพีซีอาร์ (Polymerase Chain Reaction: PCR) ภายใต้สนามไฟฟ้า ทำให้ได้ดีเอ็นเอสายใหม่ที่เหมือนกับต้นแบบเพิ่มขึ้นมากมายภายในเวลาอันสั้น

จากนั้นตรวจสอบว่ามียีนแปลกปลอมปรากฏรวมอยู่ด้วยหรือไม่ โดยใช้ไพรเมอร์ (Primer) ซึ่งเป็นดีเอ็นเอสายสั้นที่จำเพาะต่อบริเวณของดีเอ็นเอที่ใช้ควบคุมการแสดงออก ที่เรียกว่า โปรโมเตอร์ (promoter) ซึ่งนักวิจัยตรวจพบ ซีเอเอ็มวี 35เอส โปรโมเตอร์ (CaMV 35S promoter) ในข้าวโพด 2 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นโปรโมเตอร์ที่ควบคุมการทำงานของยีนในไวรัสโรคด่างในพืช (Cauliflower mosaic virus: CaMV) ทำให้ทราบแน่นอนแล้วว่าตัวอย่างดังกล่าวเป็นข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม แต่ต้องดำเนินการตรวจสอบขั้นต่อไปว่าเป็นข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมด้วยยีนชนิดใด

"ยีนแปลกปลอมจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อมีโปรโมเตอร์คอยควบคุม ซึ่งก็พบแล้วว่าตัวอย่างข้าวโพดที่นำมาทดสอบนั้นมีโปรโมเตอร์แปลกปลอมอยู่ ยืนยันได้ว่าเป็นข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม แต่ยังไม่ทราบชนิดของยีนที่ถูกนำมาดัดแปลง และสายพันธุ์ดั้งเดิมของข้าวโพด ทราบเพียงแต่ว่าเป็นข้าวโพดอาหารสัตว์ เนื่องจากมีฝักแข็ง และคาดว่าไม่เกินสิ้นปีนี้น่าจะรู้ผลว่าเป็นข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมชนิดใด" ผศ.ดร.ปิยะศักดิ์ ชี้แจง

ผศ.ดร.ปิยะศักดิ์ อธิบายต่อว่า โดยหลักการแล้วละออกเกสรตัวผู้ของข้าวโพดสามารถปลิวไปได้ไกลประมาณ 500 เมตร หรืออาจไกลกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมหรือสิ่งที่นำพาด้วย และสามารถผสมข้ามสายพันธุ์กับข้าวโพดด้วยกันแทบทุกชนิดโดยที่ละอองเกสรนั้นยังไม่แห้งตายเสียก่อน

ทั้งนี้ ผศ.ดร.ปิยะศักดิ์ ยังแสดงความกังวลด้วยว่า ไม่รู้ว่าข้าวโพดจีเอ็มโอที่พบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือใครเป็นคนทำให้เกิด แต่เมื่อพบแล้วต้องเร่งจัดการควบคุมและแก้ไขโดยด่วน และในปีหน้าจะเริ่มเก็บตัวอย่างในพื้นที่ต่างๆ มาตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการปนเปื้อนด้วยหรือไม่

"หากยังเพิกเฉยแล้วในอนาคตเกิดการแพร่กระจายอย่างควบคุมไม่ได้ ประเทศไทยอาจอาจสูญเสียพืชพันธุ์พื้นเมือง
โดยเฉพาะที่เป็นพืชอาหาร ผลที่ตามมาคือไทยจะเสียเสถียรภาพด้านการผลิตอาหารไปด้วย ซึ่งทั้งในยุโรปและญี่ปุ่นต้านพืชจีเอ็มโออย่างมาก เพราะกลุ่มคนในประเทศเหล่านี้พื้นฐานเป็นผู้ที่รักสุขภาพ แม้ตอนนี้จะยังไม่มีการยืนยันว่าพืชจีเอ็มโอมีผลเสียต่อสุภาพอย่างไร แต่ในอนาคตก็ยังไม่แน่ชัด" ผศ.ดร.ปิยะศักดิ์กล่าว

ด้าน ดร.บุญญานาถ นาถวงษ์ นักวิจัยของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) แสดงทัศนะต่อเรื่องนี้ว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมที่พบนั้นหลุดรอดออกมาจากบริษัทมอนซาโต้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง แม้ประเทศไทยเคยอนุญาตให้บริษัทมอนซานโต้นำข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมเข้ามาทดสอบในไทยเมื่อช่วงปี 2541-2542

ทั้งนี้ โครงการทดสอบดังกล่าวดำเนินการโดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และสิ้นสุดโครงการไปหลายปีแล้ว ส่วนตัวอย่างที่นำมาทดสอบก็ทำลายทิ้งไปหมดแล้วนับแต่มีมติครม.เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2544 ให้ยุติการทดสอบพืชจีเอ็มโอภาคสนามทั้งหมด

"แต่หากเป็นการปนเปื้อนมาจากการวิจัยครั้งนั้นจริง ก็น่าจะปรากฏในแถบภาคเหนือตอนบนมากกว่า หรืออาจเป็นไปได้ว่ามีใครนำข้าวโพดจีเอ็มโอจากต่างประเทศเข้ามาปลูกเองโดยไม่ได้ขออนุญาตจากภาครัฐ ดังเช่นกรณีฝ้ายบีทีเมื่อหลายปีก่อนที่ทุกวันนี้ยังพบอยู่ในพื้นที่ของเกษตรกรที่ไม่สามารถปลูกฝ้ายพันธุ์เมืองได้" ดร.บุญญานาถแสดงความเห็น และกล่าวต่อว่า ข้าวโพดจีเอ็มโอดังกล่าวน่าจะเป็นข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้ต้านทานหนอนเจาะฝัก เพราะเป็นปัญหาที่พบในประเทศไทย

ดร.บุญญานาถ ยังกล่าวถึงกรณีพบการปนเปื้อนของข้าวโพดสตาร์ลิงค์ (StarLink) ซึ่งเป็นข้าวโพดอาหารสัตว์ดัดแปลงพันธุกรรมที่พัฒนาโดยบริษัทอเวนติส ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2543 ปนเปื้อนอยู่ในแป้งข้าวโพดที่เป็นอาหารสำหรับคน จนถูกถอนออกจากตลาดทั้งหมดและยกเลิกการผลิตไปในที่สุด ซึ่งบริษัทต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวน

"การปนเปื้อนของข้าวโพดสตาร์ลิงค์เป็นกรณีตัวอย่างว่าทำไมประเทศไทยถึงต้องเตรียมความพร้อมทางวิชาการเกี่ยวกับพืชดัดแปลงพันธุกรรม เพื่อว่าหากเกิดกรณีปนเปื้อนในลักษณะเดียวกันจะได้พร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่นโยบายในเรื่องนี้ของประเทศไทยเรายังไม่พร้อม ซึ่งก็เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้" ดร.บุญญานาถกล่าวทิ้งท้าย



กำลังโหลดความคิดเห็น