สกว.ยก 24 งานวิจัยแถลงผลงานเด่นรอบปี 50 ชี้ทุกงานเป็นงานคุณภาพต่อยอดใช้งานในวงกว้าง มั่นใจพร้อมเดินหน้าประสานงานวิจัยจากหิ้งสู่ภาคอุตสาหกรรม
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกหน่วยงาน เพื่อเผยแพร่ผลงานเด่นในรอบปีที่กำลังจะผ่านไป สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) แถลงข่าว “สกว.ประกาศผลงานวิจัยเด่นประจำปี 2550” เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.50 ณ โรงแรมเซ็นจูรี ปาร์ค กรุงเทพฯ
ศ.ดร.ปิยะวัติ บุญ –หลง ผอ.สกว.กล่าวว่า ปี 2550 สกว.มีผลงานวิจัยเด่นที่ได้รับคัดเลือก 24 ผลงานด้วยกัน แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มงานวิจัยเชิงวิชาการและโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) 8 ผลงาน กลุ่มงานวิจัยและพัฒนา 8 ผลงาน และกลุ่มงานวิจัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอีก 8 ผลงาน โดยเกณฑ์พิจารณา 3 ข้อคือ งานวิจัยต้องได้รับผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ มีการนำไปใช้ประโยชน์ และต้องเกิดหรือมีศักยภาพก่อให้เกิดผลกระทบทางบวกในวงกว้าง
ผอ.สกว.เผยต่อไปว่า ในปีที่ผ่านมา สกว.ใช้งบประมาณจำนวน 1,892.07 ล้านบาท แบ่งเป็นเพื่อการสนับสนุนโครงการวิจัยใหม่ 1,631 โครงการ สนับสนุนโครงการวิจัยเดิมที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 4,947 โครงการ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้มีนักวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนทั้งสิ้น 3,844 คน เกิดผลงานที่ใช้ได้ในทางตรง 221 โครงการ มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ 876 เรื่อง สร้างนักวิจัยระดับปริญญาเอกใหม่ 238 คน และสร้างนักวิจัยท้องถิ่นขึ้นอีก 1,186 คน
“สิบกว่าปีที่ผ่านมาหลังการก่อตั้ง สกว.ในราวปี 2536 สกว.สะสมองค์ความรู้และเครือข่ายนักวิชาการมากมายที่ตอบคำถามเฉพาะเรื่องหรือเฉพาะประเด็น วันนี้เราเข้มแข็งพอที่จะนำความรู้ทั้งหมดมาเรียงร้อยเข้าด้วยกันเพื่อตอบคำถามที่ใหญ่ขึ้นของประเทศตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 เป็นต้นมา ซึ่ง สกว.พร้อมจะเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นแหล่งผลิตนักวิจัยกับเอกชนผู้ต้องการใช้ความรู้จากงานวิจัยแล้ว” ศ.ดร.ปิยะวัติ กล่าว
นอกจากนั้น ตั้งแต่ ต.ค.ที่ผ่านมา สกว.ยังได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อเชื่อมโยงภาควิจัยและภาคอุตสาหกรรมแล้ว 62 โครงการ ได้รับโจทย์ปัญหาจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอีกกว่า 1,000 โครงการ และยังร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ผลิตกำลังคนวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น คือระดับปริญญาตรี 850 โครงการ ปริญญาโท 240 โครงการ ปริญญาเอก คปก. 20 โครงการ และหลังปริญญาเอกอีก 30 โครงการ
ทั้งนี้ กลุ่มงานวิจัยเชิงวิชาการและโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) ที่ได้รับคัดเลือกได้แก่ 1.ความหลากหลายทางภาษาใน จ.น่าน: ความรู้พื้นฐานเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว ของ ศ.ดร.ธีระพันธ์ เหลืองทองคำ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและคณะ 2.เซลล์แสงอาทิตย์โครงสร้างควอนตัมดอต ของ ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญญาแก้ว คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะ
3.วัสดุฉลาดสำหรับอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ของ รศ.ดร.สุพล อนันตา ผศ.ดร.รัตติกร ยิ้มนิรัญ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะ 4.การออกแบบระบบผลิตไฮโดรเจนซึ่งใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้ในประเทศไทยเป็นสารตั้งต้น ของ ผศ.ดร.นวดล เหล่าศิริพจน์ บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
5.การจำแนกคุณลักษณะของโปรตีนกล้ามเนื้อและอันตรกิริยาระหว่างโปรตีนไมโอไฟบริลกับไมโอโกลบินของปลาเนื้อดำที่ใช้ผลิตซูริมิ ของ ศ.ดร.สุทธวัฒน์ เบญจกุล คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ ดร.มนัส ชัยจันทร์ นักศึกษา คปก. 6.ประชากรและพันธุศาสตร์เชิงประชากรของช้างป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ของ ศ.ดร.วรเรณ บลอคเคลแมน สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหิดล และ น.ส.ชลิตา คงฤทธิ์ นักศึกษา คปก.
7.การทำเห็ดห้าให้เป็นเห็ดเศรษฐกิจ ของ ศ.ดร.สายสมร ลำยอง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ดร.รารุณี แสนหมี่ นักศึกษา คปก. และ 8.ส่วนประกอบของอิพิโทปในสารคอนดรอยติน 6 –ชัตเฟต ที่ทำปฏิกิริยาจำเพาะโมโนโคลนอลแอนติบอดี WF6 ของ รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ดร.พีรพรรณ โปธาเจริญ นักศึกษา คปก.
กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาที่ได้รับคัดเลือกได้แก่ 1.การวิจารณ์ในฐานะพลังทางปัญญาของสังคมร่วมสมัย ของ ศ.ดร.เจตนา นาควัชระ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 2.โครงการจับกระแสดับเบิลยูทีโอ ของ ศ.รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 3.การวิจัยและพัฒนาพริกและผลิตภัณฑ์ ของ ศ.ดร.นันทวัน บุณยะประภัศร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
4.โครงการพัฒนาการผลิตผักคุณภาพและถ่ายทอดเทคโนโลยีผลูกผักปลอดสารพิษในโรงตาข่ายกันแมลง (ปลูกผักแบบ สกว.) ของ รศ.ดร.จริยา วิสิทธิ์พานิช และ ผศ.ดร.ชาตรี สิทธิกุล คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 5.โครงการศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตของประเทศไทยกับการใช้ทะเลอย่างยั่งยืน ของ ผศ.ดร.เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 6.โครงการสิทธิชุมชนศึกษา ของ ศ.ดร.เสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
7.โครงการวิจัยและพัฒนารูปแบบการจัดการการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับท้องถิ่นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของ ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ สถาบันรามจิตติ และ 8.โครงการอุตสาหกรรมและวิจัยสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี ของ รศ.ดร.วิโรจน์ บุญอำนวยวิทยา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ส่วนกลุ่มงานวิจัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอีก 8 ผลงาน ได้แก่ 1.การจัดการเรียนการสอนบนพื้นฐานความแตกต่างของเด็กกรณีบ้านคูเมือง จ.อุบลราชธานี ของ ดร.ชญาดา ดานุวงศ์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี 2.การจัดการน้ำระดับชุมชน กรณีบ้านผาชัน จ.อุบลราชธานี ของนายกล พรมสาลี ชาวบ้านในพื้นที่ 3.การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก จ.สตูล ของนายยูหนา หลงสมัน ชาวบ้านในพื้นที่
4.การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืนผ่านกระบวนการผลิตน้ำปลา ของ นายดลก้อเส็ม ผดุงชาติ ชาวบ้านบ้านบางกล้วยนอก ต.นาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง 5.การพัฒนาบ้านปลาเพื่อการประมงอย่างยั่งยืนของชุมชนชายฝั่งท่าเรือแกลง –อ่าวสวนสน จ.ระยอง ของนายมนตรี ภิริโย ชาวบ้านในพื้นที่ 6.แนวทางสร้างสันติสุขช้างป่ากับชาวบ้านสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ของนายประหยัด แก้วกัณฑ์ ชาวบ้านในพื้นที่
7.การจัดการองค์ความรู้เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูพันธุ์ข้าวพื้นบ้านบางแก้ว ของนายเทพรัตน์ จันทพันธ์ ชาวบ้าน อ.บางแก้ว จ.พัทลุง และ 8.การศึกษาและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแหล่งโบราณคดีโดยชุมชนแม่กา จ.พะเยา ของนางปัทมา สมิตะศิริ ชาวบ้าน ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา